Author Topic: พระประธาน อารามหลวง เมืองไทย  (Read 76930 times)

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
Re: พระประธาน อารามหลวง เมืองไทย (ขาวดำ)
« Reply #20 on: กุมภาพันธ์ 16, 2018, 05:07:38 pm »
21.วัดพิชยญาติการามวรวิหาร

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นโท
ชนิด   : วรวิหาร
นิกาย   : **
แขวง/ตำบล   : สมเด็จเจ้าพระยา
เขต/อำเภอ   : คลองสาน
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง : 2372 - 2375

**เปิดตลอด

วัดพิชยญาติการาม หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า "วัดพิชัยญาติ" จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดอนงคาราม เดิมเป็นวัดร้าง จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ(ทัด บุนนาค) ได้สถาปนาขึ้นใหม่ทั้งวัด แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนาให้วัดว่า "วัดพระยาญาติการาม"

ด้วยเหตุที่ในสมัยนั้นมีการค้าขายกับจีน ประกอบกับพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงนิยมศิลปะแบบจีน พระอุโบสถของวัดนี้จึงมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบจีน เช่นเดียวกับทุกวัดที่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ในสมัยนี้ โดยวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่นำมาจากประเทศจีนด้วย

ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงปฏิสังขรณ์วัดนี้อีก และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น"วัดพิชยญาติการาม" ซึ่งใช้มาจนกระทั่งปัจจุบัน

Wat Phitchaya Yatikaram
Wat Phitchaya Yatikaram, or generally called Wat Phichaiyat, is a second class royal monastery of the Worawihan type. There is no record of when the temple was originally built, but it is assumed to be around Ayutthaya period.

The temple was abandoned for along time. Until the reign of King Rama III, It was wholly restored by Somdet Chao Phraya Borom Mahapichaiyat(That Bunnag), a high ranking official in the king's court. And after the restoration it was upgraded to be royal monastery.


ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: กุมภาพันธ์ 23, 2022, 02:29:23 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
Re: พระประธาน อารามหลวง เมืองไทย (ขาวดำ)
« Reply #21 on: กุมภาพันธ์ 17, 2018, 08:19:48 pm »
22.วัดเครือวัลย์

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด   : วรวิหาร
นิกาย   : ธรรมยุต
แขวง/ตำบล   : วัดอรุณ
เขต/อำเภอ   : บางกอกใหญ่
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง : สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3

***ทำวัตรเช้า 08.30 วัตรเย็น 17.00 น.



วัดสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โดยเจ้าพระยาอภัยภูธร(น้อย บุณยรัตพันธุ์) ผู้เป็นบิดาของเจ้าจอมเครือวัลย์ และเจ้าจอมเครือวัลย์ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง โดยได้รับพระราชทานนามว่า "วัดเครือวัลย์"

Wat Khruewan
Wat Khruewan is a third class royal monastery of 'Varavihara' type. It was built in the reign of King Rama III by Chao Chom Khruewan, a Royal consort of the King, and her father, Chao Phraya Aphai Phuthon(Noi Boonyarattaphan). The temple was later dedicated to be a royal monastery, and was named ''Wat Khruewan'' Inside the temple, the Ubosot(Ordination Hall) and Vihara(Assembly Hall) which have the same architecture style, locate in pararell line facing Khong Mon(canal). Between the Ubosot and the Vihara stand the 3 Lankan style Chedis(Pagodas).

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มีนาคม 05, 2022, 07:02:23 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
Re: พระประธาน อารามหลวง เมืองไทย (ขาวดำ)
« Reply #22 on: กุมภาพันธ์ 17, 2018, 08:22:13 pm »
23.วัดอรุณราชวราราม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นเอก
ชนิด   : ราชวรมหาวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : วัดอรุณ
เขต/อำเภอ   : บางกอกใหญ่
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง : พระอารามหลวงประจำพระบรมมหาราชวังพระเจ้ากรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ประจำทั้งสองอาณาจักร กรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ สร้างสมัยอยุธยา เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2

***เปิดเข้าตลอด ทำวัตรเย็น 18.30 น.

วัดอรุณราชวรารามเดิมชื่อว่า "วัดมะกอก" สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงล่องเรือลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อหาที่ตั้งพระนครแห่งใหม่ มาถึงหน้าวัดแห่งนี้เป็นเวลารุ่งอรุณพอดี จึงทรงเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น "วัดแจ้ง" และเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีและสร้างพระราชวังแล้ว วัดแจ้งจึงกลายเป็นวัดในเขตพระราชฐาน

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ และได้สร้างพระนครขึ้นใหม่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา จึงได้รื้อกำแพงพระราชวังกรุงธนบุรีออก วัดแจ้งจึงกลายเป็นวัดที่อยู่นอกพระราชวัง และเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษา

ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงปฏิสังขรณ์วัดและพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดอรุณราชธาราม" ซึ่งต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็น "วัดอรุณราชวราราม" ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และใช้ชื่อนี้มาจวบถึงปัจจุบัน

Wat Arun Rachawararam
Konwn by its shoter name of Wat Arun, the temple is one of the six royal temple of the highest class of 'Rajavaramahavihara'. The temple is also thought of as King Rama II's monastery.

The temple was constructed during the Ayutthaya period. King Taksin founded the temple when he sailed along Chao Phraya river to look up the place for establishing the capital, and sailed by at dawn, later it became known as the Temple of the Dawn. It also became one of the city's most famous landmarks.

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
#royalthaimonastery
« Last Edit: มีนาคม 02, 2022, 05:43:08 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
Re: พระประธาน อารามหลวง เมืองไทย (ขาวดำ)
« Reply #23 on: กุมภาพันธ์ 22, 2018, 06:01:41 pm »
24.วัดนรนาถสุนทริการาม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด   : สามัญ
นิกาย   : ธรรมยุต
แขวง/ตำบล   : วัดสามพระยา
เขต/อำเภอ   : พระนคร
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง : ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ถึงก่อน พ.ศ. 2394

**เปิดเข้าตลอด ทำวัตรเย็น 17.00 น.

วัดนรนาถสุนทริการาม เดิมชื่อว่า "วัดเทพยพลี" บางคนเรียกว่า "วัดฉิมพลี" สันนิฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงปลายรัชสมัยสมเด็จพระเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้ขุดคลองผดุงกรุงเกษมและคลองนี้ได้ตัดผ่านพื้นที่วัดเทพยพลีด้วย

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระยาโชฏีกราชเศรษฐี(เสถียน โชติกเสถียร) และคุณหญิงสุ่น ภรรยา ได้มีจิตศรัทธาสละทรัพย์เพื่อปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใหม่ โดยได้สร้างพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ ศาลาการเปรียญ และกุฏิสงฆ์ขึ้นใหม่ทั้งหมด ครั้งปฏิสังขรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้น้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็ทรงรับไว้ และได้พระราชทานนามให้วัดใหม่ว่า "วัดนรนาถสุนทริการาม" และได้ใช้ชื่อนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมากระทั่งปัจจุบัน

Wat Noranat Soontharikaram
Originally called Wat Thepayaplee or Wat Chimplee, it was assumed that the temple was built in the reign of King Rama II. In the reign of King Rama V, Phraya Choduekratchasetthi(Thian Chotiksathian) and his wife donated money to restore the temple. After the restoration, the temple was upgraded to be a royal monastery, and given a new name ''Wat Noranat Sootharikaram.''

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: กุมภาพันธ์ 02, 2022, 06:02:46 am by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
25.วัดชิโนรสาราม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด   : วรวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : บ้านช่างหล่อ
เขต/อำเภอ   : บางกอกน้อย
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง : สมัยรัชกาลที่ 3

เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 โดย สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมหมื่นนุชิตชิโนรส ด้วยพระประสงค์ใช้เป็นที่ประทำสำราญพระอิริยาบถในบางโอกาส แต่วัดยังไม่เสร็จสมบูรณ์

จนถึงสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ของเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมทั้งพระอารามและสร้างเพิ่มเติมอีก โปรดให้ช่างปั้นและเขียนรูปนาคไว้ทั่วไป และปั้นรูปพระมหามงกุฏลงรักปิดทองไว้เหนือเรือนแก้วหลังพระประธานในพระอุโบสถด้วย

ภายในพระอุโบสถ มีจิตรกรรมฝาผนังที่มีลักษณะพิเศษคือ ใช้สีดำเป็นสีพื้น แบ่งภาพเป็นช่วงๆ ด้านหน้าพระประธานเป็นภาพแผนที่วัด คลอง แม่น้ำ และพระบรมมหาราชวัง นอกนั้นเขียนเป็นภาพวัดต่างๆ เสาทางพื้นสีแดง เขียนลายกรวย เชิงล่างบนเสากลางเป็นลายกนก เป็นรูปนาคทั้งสิ้น

ที่มา : ป้ายในวัด

Wat Chinorasaram
Wat Chinorasaram is located on the bank of the Mon Canal. The princely monk, Somdej Phra Maha Somanachao Krom Phra Poramanuchit Chinoros ordered the construction of the temple in approximately 2379 B.E.(1836 A.D.)

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
#royalthaimonastery
#hikingthai.com
« Last Edit: มีนาคม 08, 2022, 03:41:39 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
26.วัดนาคกลาง

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด   : วรวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : วัดอรุณ
เขต/อำเภอ   : บางกอกใหญ่
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง : สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย

แม้จะเป็นวัดที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่วัดนาคกลางก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการเสด็จพระราชดำเนินมาถวายผ้าพระกฐินที่วัด ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 สืบมากระทั่งปัจจุบัน

วัดนาคกลางเป็นวัดโบราณที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้รับสถาปนาเป็นพระอารามหลวงตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี

Wat Nak Klang
Wat Nak Klang is a third class royal monastery. The temple was built in the Ayutthaya period, and granted a royal monaster since Thonburi period. It has been renovated continuously since the reign of King Rama I until present.

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มีนาคม 05, 2022, 04:22:12 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
27.วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นโท
ชนิด   : ราชวรวิหาร
นิกาย   : ธรรมยุต
แขวง/ตำบล   : บางขุนพรหม
เขต/อำเภอ   : พระนคร
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง : รัชกาลที่ 4


*** เปิดวันพระใหญ่เวลา 12.00 น. หรือไปบอกให้เขาเปิดก็ได้

วัดมกุฏกษัตริยารามเป็นวัดที่สร้างขึ้นคู่กับวัดโสมนัสวิหาร โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้สร้างวัดโสมนัสฯ ขึ้นก่อนที่ริมคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อุทิศพระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระบรมราชเทวี และสร้างวัดมกุฏกษัตริยารามถัดไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ไม่ไกลนัก เป็นวัดส่วนพระองค์คู่กับวัดโสมนัสฯ

Wat Makut Kasatriyaram
King Ram IV(King Mongkut) ordered the construction of the outer city moat to the east of the Cho Phraya river, this was named ''Khlong Padung Krungkaswm.'' He also ordered the construction of temples along the Khlong bank to reflect the style of the Ayutthaya period. Wat Makut was built along with Wat Sommanatviharn which had been built to commemorate King Rama IV'queen.

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
#royalthaimonastery
#hikingthai.com
« Last Edit: มกราคม 29, 2022, 08:25:33 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
28.วัดราชผาติการาม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด   : วรวิหาร
นิกาย   : ธรรมยุต
แขวง/ตำบล   : วชิรพยาบาล
เขต/อำเภอ   : ดุสิต
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง : -

***ทำวัตรเย็น 16.00 น.

วัดราชผาติการาม เดิมชื่อว่า "วัดส้มเกลี้ยง" ต่อมาได้กลายเป็นวัดร้าง และถูกชาวญวนอพยพรื้อเอาอิฐไปก่อสร้างบ้านเรื่องของตอนเอง ทำให้ไม่เหลือสภาพความเป็นวัด พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จึงโปรดฯ ให้สร้างวัดขึ้นใหม่ เป็นการผาติกรรมแทนวัดส้มเกลี้ยง และพระราชทานนามว่า "วัดราชผาติการาม" ซึ่งหมายถึงวัดที่พระราชาทรงผาติกรรม แลกเปลี่ยนทดแทนหรือทำให้เจริญขึ้น

แต่การก่อสร้างวัดยังไม่แล้วเสร็จก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 โปรดให้สร้างต่อจนเสร็จ

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีการตัดถนนราชวิถีทำให้เนื้อที่ของวัดหายไปส่วนหนึ่ง และต้องย้ายกุฏิที่ตั้งอยู่บริเวณที่ถูกตัดไปเป็นถนนไปสร้างไว้ทางด้านเหนือ แล้วจึงสร้างกำแพงล้อมรอบวัดเพื่อกำหนดขอบเขตที่ชัดเจน

การบูรณะปฏิสังขรณ์วัดราชผาติการาม ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดมาทุกสมัยกระทั่งปัจจุบัน

Wat Ratchaphatikaram
Wat Ratchaphatikaram is presumed to have been built in the Ayutthaya period but was abandoned. The temple was later restored in the reign of King Rama III and completed in the reign of King Rama IV.

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มกราคม 02, 2024, 07:09:58 am by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
29.วัดสังเวชวิศยาราม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด   : วรวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : วัดสามพระยา
เขต/อำเภอ   : พระนคร
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง : -

วัดสังเวชวิศยาราม เป็นวัดโบราณ เดิมเรียกว่า "วัดสามจีน" ตามตำนานเล่าว่าชาวจีน 3 คน ร่วมกันสร้างวัด ต่อมาได้เรียกชื่อตามตำบลที่ตั้งว่า "วัดบางลำพู" มีปริศนาลายแทงขุมทรัพย์ว่า ตำบลวัดสามจีน มีหินสามก้อน ที่นอนสามอัน มีต้นโศกเอนที่เจ้าเณรนั่งฉัน

ในสมัยรัชกาลที่ 1 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดบางลำพูพระราชทานแก่นักชี ยายพระองค์เจ้าขัตติยา ต่อมารัชกาลที่ 3 โปรดให้บูรณะวัดใหม่ ได้ย้ายพระอุโบสถไปสร้างในสถานที่ปัจจุบัน

สมัยรัชกาลที่ 4 โปรดให้นายสุด ปลัดกรมช่างหล่อ บูรณะพระประธานในพระอุโบสถแล้วพระราชทานนามว่า "วัดสังเวชวิศยาราม"

ที่มา : พระอารามหลวง เล่ม 1 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

Wat Sangwet Witsayaram
Wat Sangwet Witsayaram is a third class royal monastery. Originally named Wat Bang Lamphu, it was an old temple built before Rattanakosin period. In the reign of King Rama I, Krom Pharatchawang Bowon Mha Surasihanat had built and renovated many buildings in the temple. Further renovation of the Vihara, the Ubosot and the boundary wall around the Ubosot were carried on in the reign of King Rama III.

In the reign of King Rama IV, the Principle Buddha image in the Ubosot was renovated, and the temple was renamed to ''Wat Sangwet Witsayaram''
ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)

« Last Edit: มกราคม 02, 2024, 07:25:35 am by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
30.วัดอมรินทราราม วรวิหาร

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด   : วรวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : ศิริราช
เขต/อำเภอ   : บางกอกน้อย   
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง : -

***เปิดเฉพาะ วันพระใหญ่ 14.00 น.

วัดอมรินทราราม เดิมชื่อว่า "วัดบางหว้าน้อย" สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดฯ ให้สถาปนาวัดบางหว้าน้อยขึ้นเป็นพระอารามหลวงคู่กับวัดบางหว้าใหญ่(วัดระฆังโฆสิตาราม) ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 วัดอมรินทรารามได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม และมีการบูรณะอย่างต่อเนื่องโดยเจ้าอาวาสของวัดในแต่ละยุค โดยได้ทุนทรัพย์จากผู้มีจิตศรัทธาบริจาค และเนื่องจากกรมศิลปากรยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนวัดนี้เป็นโบราณสถานของชาติ การบูรณะอาคารต่างๆ ภายในวัด จึงสามารถทำได้โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมศิลปากร ครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2555 วัดได้ทำการบูรณะพระมณฑปพระพุทธบาทจำลอง โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 1,706,000 บาท  จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)

« Last Edit: มีนาคม 07, 2022, 09:39:14 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
31.วัดชนะสงคราม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นโท
ชนิด   : ราชวรมหาวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : ชนะสงคราม
เขต/อำเภอ   : พระนคร   
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง :สมัยอยุธยา

***ทำวัตรเช้า 08.00 น. วัตรเย็น 17.00 น.

Pat Hemasuk (facebook)
19 August at 01:04 ·
ขึ้นวันที่ 19 แล้ว ผมขอเอาฤกษ์เอาชัยด้วยภาพพระประธานวัดชนะสงคราม ที่ทุกคนจะเข้ากราบขอพรจากท่านถ้ามีเรื่องยุ่งยากใจให้ชนะอุปสรรคทั้งปวง แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าในองค์ของท่านบรรจุเอาไว้ด้วยอะไร คนบางลำพูตั้งแต่เกิดและเคยบวชวัดนี้อย่างผมจะเล่าให้ฟังครับว่าทำไมถึง "ชนะสงคราม" และ ทำไมคนมีปัญหาหนักในชีวิตจะต้องไปกราบขอพรจากท่าน


พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์ มเหทธิศักดิ์ปูชนียะชยันตะโคดม บรมศาสดาอนาวรญาณ พระประธานวัดชนะสงคราม คนบางลำพูรุ่นเก่าๆ จะเรียกท่านว่า "หลวงพ่อปู่"


กรมพระราชวังบวร มหาสุรสิงหนาท ได้ทรงสร้างพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย 16องค์รอบพระประธานจากแบบอย่างของ วัดชุมพลนิกายาราม ตามคติโบราณในการมีชัยชนะเหนือศัตรู และได้ทรงเปลี่ยนชื่อวัดจาก วัดตองปุ ที่เรียกกันมาตั้งแต่สมัยกรุงอยุธยาเป็น วัดชนะสงคราม


หลวงพ่อปู่นั้น เมื่อครั้งแต่เดิมเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น แล้วบุด้วยดีบุกลงรักปิดทองขนาดองค์ไม่ใหญ่นัก แต่เมื่อครั้งที่กรมพระราชวังบวร มหาสุรสิงหนาท ทรงชนะสงครามเก้าทัพแล้วกลับพระนคร ทรงถอดถวายฉลองพระองค์ลงยันต์ที่ทรงใช้ออกศึกสวมคลุมองค์พระประธาน และโปรดให้แม่ทัพนายกองทำเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แล้วทรงให้ช่างปั้นฉาบปูนทับเสื้อยันต์ของพระองค์และเหล่าแม่ทัพนายกองทั้งหมดลงรักปิดทองจนเห็นองค์พระขนาดใหญ่เหมือนองค์ปัจจุบัน


นั่นหมายถึงทรงทราบแล้วว่าหลังศึกใหญ่ครั้งนี้ ไทยได้รับชัยชนะเด็ดขาดกับพม่า จะไม่มีทัพพม่ากล้ายกทัพเข้ามาอีกแล้วตลอดไป จึงทรงถวายฉลองพระองค์ลงยันต์ที่ใช้ออกศึกแก่หลวงพ่อปู่ โดยจะไม่ทรงกลับมาใช้สวมออกศึกอีกแล้ว


เรื่องนี้มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าพระประธานวัดชนะนั้น ภายในองค์ของหลวงพ่อปู่นั้นคือเสื้อพุทธคุณลงยันต์หลายสิบผืนที่ใช้ออกสงครามเก้าทัพจนได้รับชัยชนะในศึกใหญ่ครั้งนั้น


ประวัติจากหนังสืออีกเล่ม

วัดชนะสงครามเป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด และใครเป็นผู้สร้าง แต่เป็นวัดที่มีมาก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เดิมชื่อว่า "วัดกลางนา" เนื่องจากบริเวณที่ตั้งวัดโดยรอบเป็นทุ่งนา ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ทรงใช้บริเวณรอบวัดให้เป็นที่อยู่ของพระภิกษุและชาวรามัญ โดยสถาปนาวัดกลางนาเป็นวัดฝ่ายรามัญและตั้งชื่อใหม่ว่า "วัดตองปุ" เพื่อเป็นการตอบแทนคุณและเป็นเกียรติแก่ทหารรามัญที่ช่วยรบกับพม่า

ต่อมาเมื่อไม่มีสงครามกับพม่าแล้วสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทฯ ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณืวัดตองปุใหม่ แล้วน้อมเกล้าถวายเป็นพระอารามหลวง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 พระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดชนะสงคราม" เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทฯ ทรงมีชัยชนะในการทำสงครามกับพม่าถึง 3 ครั้ง

King Rama I ordered the construction of this temple to commemorate the Raman people's assiatance in the ear against the Burmese. Its former name was Wat Klang Na and it was renamed Wat Thong Pu. The King Rama I's Crown Prince renovated Wat Thong Pu, designating it a royal temple. It was renamed Wat Chana Songkhram to commemorate the three victoried over the Burmese.
ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มกราคม 30, 2022, 07:01:56 am by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
32.วัดบวรนิเวศวิหาร

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นเอก
ชนิด   : ราชวรวิหาร
นิกาย   : ธรรมยุต
แขวง/ตำบล   : บวรนิเวศ
เขต/อำเภอ   : พระนคร   
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง :สร้างสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

***ทำวัตรเช้า 08.00 น. วัตรเย็น 20.00 น.

วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อแรกสร้างเรียกกันว่า "วัดใหม่" หรือ "วัดบน" สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ระหว่างปี พ.ศ.2367-2375 ต่อมาในปี พ.ศ. 2379 วัดบวรนิเวศวิหารว่างเจ้าอาวาส พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จึงทรงอาราธนาเจ้าฟ้ามงกุฏฯ(พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ในเวลาต่อมา) ซึ่งทรงผนวชเป็นพระภิกษุประทับอยู่ที่วัดราชาธิวาส ให้เสด็จมาครองวัดนี้ และพระราชทานชื่อวัดใหม่ว่า "วัดบวรนิเวศวิหาร"

Wat Bovornives Vihara
Wat Bovornives Vihara is a first class royal monastery ''Rajavaravihara'', which was built in 2372 B.E. by H.R.H. Prince Maha Sakdiphollasep, a son of King Rama III. Its former name was Wat Mai or Wat Bon. It is one of the most important temples in Bangkok, which once its abbot was King Rama IV. Besides, King Rama IV, King Rama VII, as well as His Majesty King Buhmibol Adulyadej resided here during their monkshood.

Inside the temple. it contains the shrine-hall of Phra Buddha Jinasiha, a very beautiful Buddha image which was cast in about 1890 B.E.

There are also many sacred Buddha's statues here, for example, Phra Phiri Pinat(subduing enemies) and Phra Nirantarai.

Wat Bovoranives Bihara is thought of as King Rama VI's monastery.

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มกราคม 29, 2022, 09:22:26 am by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
33.วัดตรีทศเทพ

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด   : วรวิหาร
นิกาย   : ธรรมยุต
แขวง/ตำบล   : บ้านพานถม
เขต/อำเภอ   : พระนคร   
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง :-

วัดตรีทศเทพสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่อนวิษณุนาถนิภาธร(ต้นราชสกุลประดิษฐ์ ณ อยุธยา) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งทรงมีพระประสงค์ที่จะสร้างวัดไว้ที่ริมคลองบางลำพูฝั่งเหนือใกล้วังของพระองค์ แต่หลังจากทรงกำหนดพื้นที่ที่จะสร้างวัดเสร็จ ยังไม่ทันที่จะดำเนินการสร้างก็สิ้นพระชนม์เสียก่อน พระบาทสมเ็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 จึงมีพระบรมราชโองการให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส(ต้นราชสกุลนพวงศ์ ณ อยุธยา) ซึ่งเป็นพระเชษฐาร่วมพระมารดาเดียวกันทรงสร้างต่อ มีการขุดคลองเขตวัดทั้ง 4 ด้าน ทำรากฐานพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ และกำแพง แต่การก่อสร้างวัดยังไม่ทันเสร็จสมบูรณ์ก็สิ้นพระชนม์ไปอีกพระองค์หนึ่ง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงทรงสร้างต่อจนเสร็จ และพระราชทานนามว่า "วัดตรีทศเทพ" ซึ่งมีความหมายว่า "วัดที่เทพสามองค์สร้าง" โดยหมายถึงพระองค์ และพระราชโอรสทั้งสองที่ได้ร่วมกันสร้างวัดนี้ขึ้น

Wat Tri Totsathep
Wat Tri Totsathep was built in the reign of King Rama IV. Prince Witsanunart Nipha Thon(Prince Supradit), who was one of King Ram IV'snons, planned to build this temple near his palace. However, he passed away before starting the construction of the temple. Thus, King Rama IV ordered Prince Mahesuan Siwawilat(Prince Nopphawong) to continue the construction. But Mahesuan Siwawilat also passed away before the construction was completed. Then, King Rama IV continued the construction, and was able complete it, and named the temple ''Wat Tri Totsathep''

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มกราคม 31, 2022, 10:35:43 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
34.วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นเอก
ชนิด   : ราชวรมหาวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : พระบรมมหาราชวัง
เขต/อำเภอ   : พระนคร   
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง :สร้างสมัยอยุธยา

*** เปิดตลอด

เดิมชื่อว่า "วัดสลัก" ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 1 และเปลี่ยนชื่อใหม่หลายครั้งเป็น "วัดนิพพานนาราม" "วัดพระศรีสรรเพชดาราม" และ"วัดมหาธาตุ" และต่อมาในปี พ.ศ. 2439 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์"

Wat Mahathat Yawaratrangsarit
Wat Mahathat Yawaratrangsarit is a first class royal monastery 'Rajavaramahavihara', it was built during the Ayutthaya Period. King Rama IV ordered the renovation of the temple. Its former name was Wat Salak, and during restoration in the reigns of King Rama I - King Rama V, It has been renamed many times.
ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มกราคม 02, 2024, 01:58:59 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
35.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นเอก
ชนิด   : ราชวรมหาวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : พระบรมมหาราชวัง
เขต/อำเภอ   : พระนคร   
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง :สร้างสมัยอยุธยา เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1

*** เปิด07.30 น. ห้ามใช้ขาตั้งกล้อง สัก 08.00 น. นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกจะมา

วัดเชตุพนฯ เดิมชื่อว่า "วัดโพธาราม" เป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 โปรดฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์และสถาปนาเป็นพระอารามหลวงโดยพระราชทานนามวัดว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส" ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็น "วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม" ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
Wat Phrachetuphon Wimon Mankalaram(Wat Pho)

Known by its shorter name of Wat Pho, or among the foreign tourists as Temple of the Reclining Buddha, Wat Pho Wimon Mankalaram is one of six royal temples of the highest class of "Rajavaramahavihara". The temple is thought of as King Rama I's monastery.

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มกราคม 02, 2024, 01:53:59 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
36.วัดสุวรรณาราม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นโท
ชนิด   : ราชวรวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : ศิริราช
เขต/อำเภอ   : บางกอกน้อย   
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง :สมัยอยุธยา

*** เปิด07.30 น.

วัดสุวรรณาราม เดิมชื่อว่า "วัดทอง" เป็นวัดที่ร้างปลายกรุงศรีอยุธยา และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 และสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3

วัดสุวรรณารามเคยเป็นที่ตั้งพระเมรุหลวง ซึ่งเป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพ เชื้อพระวงศ์และข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

Wat Suwannaram
Initially called Wat Thong, Wat Suwannaram is an ancient temple dating back to the Ayutthaya period. It was restored in the reign of King Rama I, and was renamed Wat Suwannaram. Furtherrestoration was done in the reign of King Rama III.

The temple was formerly the site of Royal Cremation Ground for members of the Royal family and high-ranking officers, and was served for this purpose until the reign of King Rama V.

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มกราคม 02, 2024, 01:50:43 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
37.วัดธาตุทอง พระอารามหลวง

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด   : สามัญ
นิกาย   : ธรรมยุต
แขวง/ตำบล   : พระโขนงเหนือ
เขต/อำเภอ   : วัฒนา      
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง : 2481

*** ทำวัตรเย็น 16.00 น.

วัดธาตุทองเกิดจากการรวมตัวของ 2 วัด คือ วัดหน้าพระธาตุ และวัดทองล่างโดยวัดหน้าพระธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตำบลคลองเตย อำเภอพระโขนง จังหวัดพระนคร และเหตุที่ได้ชื่อว่าวัดหน้าพระธาตุ เพราะภายในวัดมีพระเจดีย์ใหญ่อยู่องค์หนึ่ง ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนวัดทองล่างตั้งอยู่ปากคลองพระโขนงใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเป็นที่ดินของนายทอง ซึ่งได้บริจาคเพื่อสร้างเป็นวัดขึ้น โดยมีสมภารชื่อทองเช่นกัน ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ว่าวัดทอง และด้วยเหตุที่มีวัดทองอีกแห่งที่ตั้งอยู่ตอนบนของแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเรียกวัดนี้ว่าวัดทองล่าง คู่กับวัดทองบนที่ตั้งอยู่ตอนบนของแม่น้ำ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 รัฐบาลต้องการที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพทำให้วัดหน้าพระธาตุ และวัดทองล่างซึ่งอยู่ในบริเวณนั้นถูกเวนคืนทั้ง 2 วัด ซึ่งรัฐบาลได้ชดใช้เงินให้เพื่อไปหาที่ดินสร้างวัดใหม่ทดแทน ซึ่งทั้ง 2 วัด ก็ได้รวมเป็นวัดเดียวกัน และย้ายมาอยู่สถานที่ที่วัดธาตุทองที่ตั้งในปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ.2481 โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารในขณะนั้น เป็นองค์อุปถัมภ์ และทรงนำชื่อของวัดทั้ง 2 แห่งนี้มารวมกัน และประทานนามใหม่ว่า "วัดธาตุทอง"

Wat That Thong
Due to the plan to build Bangkok Port on the bank of Chao Phraya River in Khlong Toei area, the government at that time had to take over tha land from the two ancient temples, Wat Na Phra Thai and Wat Thong Lang, which located on that area.

To abide by traditions, the government had to build a new temple to replace the two temples that were demolished. The new temple was built on a land of 54 Rai along Sukhumit Road. When it was completed Somdat Krommaluang Wachirayannawong, the supreme patriarch, named the temple by combining the original names of the two temples as ''Wat That Thong''

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
#royalthaimonastery
#hikingthai.com
« Last Edit: มกราคม 02, 2024, 01:49:55 pm by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
38.วัด​ราชนัดดารามวรวิหาร​

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด   : วรวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : บวรนิเวศ
เขต/อำเภอ   : พระนคร      
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง :-

*** ทำวัตรเช้า 08.30 เย็น 16.00 น.

เป็นอีกวัดที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดฯให้สร้างขึ้นเช่นเดียวกับวัดเทพธิดาราม โดยสร้างพระราชทานเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี(ต่อมาทรงเป็นสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4)

วัดราชนัดดาราม เป็นวัดที่มีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนวัดได คือ มีโลหะปราสาทแทนที่จะมีพระเจดีย์เหมือนวัดทั่วไป โดยโลหะปราสาทแห่งนี้เป็นโลหะปราสาทองค์ที่ 3 ของโลก และเป็นองค์เดียวของประเทศไทย ซึ่งโลหะปราสาทองค์แรก และองค์ที่สองมีเพียงตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นที่เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย และที่เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะสร้างไว้เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รู้จักและเพื่อเป็นเกรียรติแก่พระนครด้วย

Wat Ratchanaddaram
Wat Ratchanaddaram was built in the reign of King Rama III to honor his niece, Princess Somanat Wattanawadi(later become the queen to King Rama IV). It is a third class royal monastery 'Worawiharn'.

Although there are many beautiful structures in the temple, it is best known for the Loha Prasat(Metal Castle) which is one of the most unique temple structures that can be found only in this temple. It is the third Loha Prasat in existence in the world, came after the earlier ones in India and Sri Lanka. Inter modern days, it is the only one of its kind left in the world.

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มกราคม 02, 2024, 06:34:34 am by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
39.วัดเทพธิดารามวรวิหาร​

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด   : วรวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : สำราญราษฎร์
เขต/อำเภอ   : พระนคร      
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง :-

*** พระอุโบสถเปิด 09.00-17.00 น ปิดวันเสาร์

ด้วยเหตุที่สถานที่ตั้งของวัดเทพธิดารามไม่โดดเด่น ซ้ำยังเหมือนกับตั้งหลบอยู่ด้านหลังของวัดราชนัดา จึงถูกบดบังด้วยโลหะปราสาทสวยงามสะดุดตา ยิ่งทำให้วัดเทพธิดารามไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก หรือมีนักท่องเที่ยวแวะมาน้อยมาก
แต่จากบทประพันธ์เรื่อง "รำพันพิลาป" ที่สุนทรภู่ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์แต่งขึ้น ซึ่งมีบทพรรณนาถึงลักษณะโดยทั่วไปของวัดเทพธิดาราม ตลอดจนปูชนียสถานและปูชนียวัตถุภายในวัดแห่งนี้ไว้ด้วย ได้ช่วยทำให้มีผู้คนรู้จักวัดแห่งนี้บ้าง

Wat Thepthidaram
Wat Thephidaram was built in the reign of King Rama III to honor his dauther, HR.H. Princess Kromma Kuen Apsonsudathep. It has a Thai structure with a distinct Chinese decor, which is the Characteristic of temples built during the reign of King Rama III. The gables of the buildings are embedded with Chinese porcelain pieces, and in the temple compounds are decorated with Chinese statues.

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มกราคม 02, 2024, 06:48:10 am by designbydx »

Offline designbydx

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
    • View Profile
40.วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร​

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นโท
ชนิด   : ราชวรมหาวิหาร
นิกาย   : มหานิกาย
แขวง/ตำบล   : บ้านบาตร
เขต/อำเภอ   : ป้อมปราบศัตรูพ่าย   
จังหวัด : กรุงเทพมหานคร   
พ.ศ. ที่สร้าง :สมัยอยุธยา

*** ทำวัตรเย็น 17.00 น.

วัดสระเกศ เดิมชื่อว่า"วัดสะแก" เป็นวัดสร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 โปรดฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบวัด แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดสระเกศ" แปลว่าชำระพระเกศา เพราะเคยประทับทำพิธีกระยาสนานหรือ ทำความสะอาดพระเกศาที่นี่เมื่อคราวเสด็จกลับจากกัมพูชาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี

ต่อมาสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 โปรดฯให้บูรณะวัดครั้งใหญ่ และโปรดฯให้สร้างบรมบรรพต หรือพระเจดีย์ภูเขาทองขึ้น โดยเริ่มแรกทรงกำหนดให้เป็นพระเจดีย์ฐานย่อมุมไม้สิบสอง แต่สร้างยังไม่ทันเสร็จ คงทิ้งค้างไว้

กระทั่งมาสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้ซ่อมสร้างพระเจดีย์ภูเขาทองที่สร้างทิ้งค้างไว้ โดยทรงเปลี่ยนแบบจากเดิมมาเป็นภูเขาและก่อพระเจดีย์ทรงลังกาไว้บนยอด แต่การก่อสร้างก็ไม่สำเร็จ มาแล้วเสร็จในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และทรงประกอบพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่บูชาไว้ในพระบรมมหาราชวังไปประดิษฐานในพระเจดีย์ภูเขาทองด้วย รวมทั้งกำหนดให้จัดงานฉลองพระเจดีย์ภูเขาทอง ระหว่างวันขึ้น 8-15 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี ซึ่งได้จัดเป็นประจำกระทั่งปัจจุบัน

Wat Saket
The Golden Mount, the golden Chedi(Pagoda) on a man-made hill in Wat Saket, is one of the significant landmark which has made the temple become well known not only among Thai but also foreign tourists.

ที่มา : The Royal Monastery-Bangkok Vol.3, Ronyoot Chitradon, Ph.D. (ดร.รณยุทธ์ จิตรดอน)
« Last Edit: มกราคม 02, 2024, 01:42:25 pm by designbydx »