การเลือกกล้อง และอุปกรณ์1. ให้ดูอุปกรณ์เดิมที่เรามีก่อนว่านำมาใช้กับกล้องที่เราจะซื้อหรือไม่ ถ้าไม่มีอะไรเลยข้ามไป
2. หยิบจัดถนัดมือ อันนี้เรื่องจริง ถ้ามันไม่เข้ามือชีวิตเปลี่ยนเลยนะ
3. หน้าจอหลังกล้องใหญ่ ละเอียด สว่าง พับปรับหมุนได้ เพราะตอนถ่ายหลังใช้จอหลังกล้องเป็นหลัก
4. ความละเอียดของเซนเซอร์ กล้อง DSLR เซนเซอร์ใหญ่อยู่แล้วเราต้องการแค่ความละเอียดที่มาตรฐานวงการทีวีไฮเดฟฟินิทชั่นแบบไวด์สกรีน
HD = 1366 x 768
Full HD = 1920 x 1080(2 MPixel)
Ultra HD (4K) = 3840 x 2160 ( 8 MPixel)
จะเห็นว่ากล้องปัจจุบันมีความละเอียดเกินที่ต้องการอยู่แล้วมาตรฐาน 4K หรือ Ultra High Definition คือมาตรฐานใหม่ของความละเอียดของ "จอภาพ" และ "คอนเทนต์" โดย K ย่อมาจาก Kilo ซึ่งเท่ากับ 1000 ดังนี้ 4K ก็หมายถึง 4000 นั่นเอง สำหรับความละเอียดหน้าจอสำหรับทีวี 4K แบบ Widescreen หมายถึงมีความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล ผลรวมออกมาก็ได้ประมาณ 8.29 ล้านพิกเซล ทั้งนี้ความละเอียดในแนวนอนเท่ากับ 3840 เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกจึงมีการปัดเศษขึ้นให้เป็น 4000 จึงเป็นที่มาของคำว่า 4K นั่นเอง ในทางกลับกันทีวี Full HD ซึ่งเป็นมาตรฐานในตอนนี้มีความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งผลรวมออกมาได้ประมาณ 2.07 ล้านพิกเซล จะเห็นได้ว่าความละเอียดหน้าจอของทีวี 4K มากกว่าทีวีแบบ Full HD ถึง 4 เท่า โดยเจ้าความละเอียด 4K นั้นกำลังจะเข้ามาเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งการถ่ายทำด้วยกล้องความละเอียด 4K และจอฉายแบบ 4K และตลอดจนสินค้าทีวีและโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์
ที่มา:
https://www.value.co.th/th/service/articles/4k.htm5. แบตสำรองควรมีอย่างน้อย 3 ก้อนถ้าถ่ายทั้งวัน แต่แบตแท้ก็แพงมาก ลองศึกษาดูว่ารุ่นที่เราซื้อเมื่อใช้แบตเทียบแล้วมีปัญหาอะไรบ้างไหม และก็ที่ชาร์ก็มีเพียงพอด้วยนะ ผมเคยมีที่ชาร์อันเดียว แต่ต้องชาร์หลายก้อน ต้องตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อมาเปลียนแบตน่ะ ทรมานนะ
6. การเลือกเลนส์ ก็เหมือนเดิมดูตามการใช้งานน่ะครับ แต่เขาแนะนำว่าควรจะมี Fix Len ติดไว้ด้วยนะครับ เพราะว่ามันจะมี f กว้าง 1.4-2.8 ทำให้สะดวกในการถ่ายที่แสงน้อย เลนส์ซูม f มันไม่คงที่(f ไหล) แต่สำรับเริ่มต้นเขาแนะนำให้ใช้เลนส์ค่ายเดียวกับกล้องก่อนนะครับเพราะความเข้ากันได้กับกล้อง จะดีกว่าการใช้เลนส์ค่ายอื่น เขาว่างั้น
7. Memory Card เลือกที่มีความเร็วสูง หากความเร็วไม่สัมพันธ์กับกล้องจะเกิดการสะดุด เรียกว่า Dropping Frames เลือกที่มีบอกไว้ว่าเร็วอย่างน้อย 133x หรือแบบ 300x แต่เร็วกว่านี้ก็จะดีมาก การ์ดประเภท CF ให้ดูที่เขียนว่า UDMA (Ultra Direct Memory Access) ถ้าประเภท SDHC ให้มองหาคำว่า Class10 หรือ สูงกว่านั้น
8. เวลาถ่ายควรมีขาตั้งกล้องจะ 3 ขา หรือขาเดี่ยวก็ได้ และหัวกล้องควรเป็นแบบแพน และเป็นแบบ Fluid Head จะลื่นไหลเหมือนปลาไหลเลยนะ
ฟอร์แมตของการถ่ายวีดีโอของกล้อง DSLR1. H.264 เป็นฟอร์แมตที่ใช้กันมากที่สุด ซึ่ง Canon Nikon ก็ใช้ฟอร์แมตนี้
2. AVCHD (Advance Video Coding High Definition) เป็นฟอร์แมตที่ Sony and Panasonic สร้างขึ้นมา
3. Motion JPEG หรือ Photo JPEG เป็นฟอร์แมตที่มีมาก่อน 2 ข้อแรก อยู่ในกล้อง Nikon รุ่นแรกๆ
ความยาวในการถ่ายจะเห็นว่ากล้องบางรุ่นให้ถ่ายต่อเนื่องแบบจำกัดเวลา เพราะว่ารูปแบบการเก็บข้อมูลของ Memory Card นั่นเอง ถ้าอยู่ในรูปแบบ FAT32 ก็จะเขียนไฟล์ใหญ่ได้ไม่เกิน 4GB จึงต้องมีการหยุดถ่ายเริ่มบันทึกใหม่นั่นเอง ตอนถ่ายเราก็ต้องวางแผนให้ดี ต้องหยุดช่วงไหน จะได้ไม่เกินเวลาที่บันทึกได้
การตั้งค่ากล้อง1.ขนาดเฟรม จากที่พูดไว้แล้วข้างต้นสำหรับ Wide Screen High Definition สัดส่วนจะเป็น 16:9 (เหมาะกับถ่ายออกโทรทัศน์)
HD = 1366 x 768
Full HD = 1920 x 1080 เขาจะเรียกว่า 1080p นิยมอันนี้ ก่อนหน้านี้จะมี 1280x720 เรียกว่า 720p(ไม่นิยมแล้ว)
Ultra HD (4K) = 3840 x 2160 กำลังมาแทนที่ในปัจจุบัน
แต่มันก็มีงานอื่นๆ ที่ใช้กันนะครับ ดังตารางอยู่ข้างล่าง อันนี้เฉพาะงาน 4K นะครับ
ที่มา:
https://www.value.co.th/th/service/articles/4k.htm2. เฟรมเรท(fps= frame per sec) เขาบอกว่ามนุษย์เราจะเห็นภาพเคลื่อนไหวที่ 8 เฟรมต่อวินาที แต่จะให้ลื่นไหลต้องไม่ต่ำกว่า 24 เฟรมต่อวินาที
60 fps เรทมาตรฐานสำหรับ HD 720p ใช้ในสหัรัฐส่งสัญญาณภาพแบบ NTSC(National Television System Committee)
50 fps เรทมาตรฐานสำหรับ HD 720p ใช้แถบยุโรป และประเทศที่ส่งสัญญาณแบบ PAL(Phase Alternating Line)
30 fps จริงๆ คือ 29.97 นะครับ เห็นได้บ่อยใน สหรัฐส่งสัญญาณภาพแบบ NTSC
25 fps ใช้แถบยุโรป และประเทศที่ส่งสัญญาณแบบ PAL
24 fps เฟรมเรททีใกล้เคียงกับภาพยนตร์
การเลือกใช้ก็ขึ้นกับประเภทงานที่ใช้นะครับ อย่างเช่น ต้องการทำ Slow or Super Slow motion ก็ต้องใช้เฟรมเรทที่สูงๆ จะได้เนียนๆ ปัจจุบันเห็นของ Sony ทำได้ถึง 1000 fps แต่ว่าขนาดเฟรมอาจจะไม่ใช่แบบ Full HD น่าจะเล็กกว่านี้นะครับ ลองค้นดู และการถ่ายควรจะเลือก fps ให้เหมือนกันตลอดนะครับเพราะว่าตอนตัดต่อจะได้มีความเข้ากันได้
3. White Balance เขาแนะนำอย่าใช้ Auto ให้ปรับให้ได้เลยตั้งแต่แรก กรณี Auto มันจะไวต่อแสง เมื่อมีคนเดินผ่าน มีเมฆ ก็จะทำให้สภาพสี แสงในวีดีโอเปลี่ยนไป อันนี้เห็นด้วย ถ้าจะให้ชัวร์ ก็ใช้การภาพอ้างอิงเหมือนถ่ายภาพนะครับ
4. โหมดการถ่าย แนะนำให้ใช้ Manual
5. Picture Styles หรือ Controls เขาบอกว่าให้ตั้งเป็น Standard เพราะว่าพอเอาไปตัดต่อแล้วจะยืดหยุ่นมากกว่าการถ่ายผ่าน Picture Styles มา สรุปคือแบบ Standard ลดทอนคุณภาพน้อยสุดนั่นเอง