Recent Posts

Pages: [1] 2 3 ... 10
1
310.วัดพระธาตุดอยสะเก็ด (วัดสุดท้ายของพระอารามหลวง)

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ   
นิกาย : มหานิกาย
แขวง/ตำบล : เชิงดอย
เขต/อำเภอ : ดอยสะเก็ด
จังหวัด : เชียงใหม่   
พ.ศ.ที่สร้าง : พ.ศ.2155
พิกัด  : 18.8725, 99.14002

วัดพระธาตุดอยสะเก็ดเป็นวัดเก่าแก่ สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2155 แต่เพิ่งจะได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อกลางปีพ.ศ. 2555 นี้เอง

ภายในวัดพระธาตุดอยสะเก็ดมีโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สำคัญ คือพระบรมธาตุเจดีย์ ภายในบรรจุ พระเกศาธาตุ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ศิลปะแบบล้านนา และมีพระพุทธรูปเก่าแก่ อายุกว่า 600 ปี เป็นพระพุทธรูป สำคัญมากของชาวดอยสะเก็ด พระนามว่า “พระพุทธรังสีทวีโชค” หรือ “หลวงพ่อเกศ ทองทิพย์” ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสำริด พระเกศเป็นทองคำ ประดับด้วยอัญมณี 9 สี ประดิษฐานอยู่ใน หอพระไตรปิฎก และมีพระพุทธรูปสำคัญอีกหลายองค์ คือ

พระเจ้า 5 พระองค์
เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปาง มารวิชัย อายุกว่า 150 ปี ประดิษฐานอยู่ภายใน พระ วิหารจัตุรมุข

พระพุทธมหาปฏิมากร
ประทานพร พระพุทธรูปองค์ ใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง 9.99 เมตร สูง 25 เมตร ประดิษฐาน บนอาคารพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านล้านนา

พระพุทธรูปหยกขาว
ทำจากหยกขาวพม่า ปางมารวิชัย ศิลปะพม่า ประดิษฐานอยู่ภายใน พระอุโบสถ คู่กับ พระประธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทอง เหลืองปางสมาธิ ภายในพระอุโบสถมี ภาพจิตรกรรมเป็นเรื่องราวของวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวล้านนา ตั้งแต่เกิดจนตาย

ที่ด้านหลังพระอุโบสถเป็นที่ ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางเลไลยก์ เป็น พระพุทธรูปปูนปั้น สูง 2.99 เมตร และ พระประจำวัน ทั้ง 7 วัน ซึ่งทำด้วยปูนปั้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปต่างๆ ประดิษฐานใน ศาลาราย บ้าง ใน วิหารสอบ ธรรม บ้าง และตามที่ต่างๆ คือ พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ผล หรือ หลวงพ่อพระเจ้าทันใจพระ พุทธสิหิงค์จำลอง พระพุทธรูปไม้แกะสลัก พระพุทธรูปปางแสดงปฐมเทศนา พระพุทธ รูปนาคปรก พระพุทธโสธรจำลอง และ พระพุทธคันธารราช

ที่มา : พระอารามหลวง The royal Monastery เล่ม 2 กรมการท่องเที่ยว กระทรวงวัฒนธรรม

2
309.วัดพระธาตุศรีจอมทอง

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : วรวิหาร
นิกาย : มหานิกาย
แขวง/ตำบล : บ้านหลวง
เขต/อำเภอ : จอมทอง
จังหวัด : เชียงใหม่   
พ.ศ.ที่สร้าง : พ.ศ.1994
พิกัด  : 18.4211, 98.67913


วัดพระธาตุศรีจอมทอง หรือวัดหลวงจอมทอง เป็นวัดโบราณ สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 1994 เป็นวัดที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

ตามตำนานที่กล่าวถึงพระบรมธาตุศรีจอมทอง เล่าว่าพระพุทธเจ้าทรงมีพุทธพยากรณ์ไว้กับ พญาอังครัฏฐะ ผู้ครองนครอังครัฏฐะ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณดอยจอมทองว่า สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะเป็น ที่ประดิษฐานพระทักษิณพรโมลีธาตุ (พระเศียรเบื้องขวา)

ต่อมาภายหลังเมื่อพระพุทธองค์เสด็จปรินิพานแล้ว โทณพราหมณ์ได้จัดแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้แก่กษัตริย์ทั้ง 8 นคร ในครั้งนั้น มัลลกษัตริย์แห่งเมืองกุสินารา ทรงได้พระทักษิณวโมลีธาตุไว้ พระมหากัสสปะเถระประธานฝ่ายสงฆ์ จึงได้กราบทูลถึงพุทธพยากรณ์มัลลกษัตริย์ทราบดังนั้นจึงถวายพระบรมธาตุแต่พระมหากัสสปะเถระ ท่านอัญเชิญพระบรมธาตุวางไว้บนฝ่ามือ แล้วอธิษฐานอาราธนาให้พระบรมธาตุเสด็จไปยังดอยจอมทองเพื่อประทับอยู่ในโกศแก้วอินทนิลภายในเจดีย์ทองคำที่พญาอังครัฏฐะได้สร้างถวายไว้

ต่อมาปีพุทธศักราช 1885 สามีภรรยาชื่อนายสอยและนางเม็ง เป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา ได้ค้นพบพระบรมธาตุจอมทองในลักษณะที่เป็นพระทักษิณโมลีธาตุ มีขนาดเท่า เมล็ดข้าวโพด สัณฐานกลมเกลี้ยง สีดอกพิกุลแห้งหรือสีดอกบวบ บรรจุในโกศทองเหลืองหล่อทองปิดทอง ชั้นในเป็นผอบเงิน ผอบทอง ลงยา ประดับเพชร


ต่อมาปีพุทธศักราช 2009 มีคหบดี 2 คน คือนายสิบเงินและนายสิบถัว ได้มาสร้างเจดีย์และ วิหารชั่วคราวมุงด้วยหญ้าคาขึ้น แล้วนิมนต์พระสารีปุตตรเถระ มาเป็ฯเจ้าาอาวาสองค์แรกของวัด หลังจากที่เจ้าอาวาสมรณภาพลงแล้ว ชาวบ้านได้อาราธนาพระเทพกุลเถระมาเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 2  ท่านได้ทำการเปลี่ยนหลังคาวิหารเป็นกระเบื้อง

เหตุการณ์สำคัญของวัดพระธาตุจอมทองได้เกิดขึ้นในสมัย พระมหาธรรมปัญโญ เจ้าอาวาสองค์ที่ 3 คือ พระบรมธาตุได้เสด็จออกจากถ้ำคูหา แสดงปาฏิหาริย์เป็นที่ อัศจรรย์ แล้วจึงสถิตอยู่ในพระเกศโมลีของพระพุทธรูปองค์หนึ่งในพระวิหาร ท่านเจ้าอาวาสจึงอัญเชิญมา บรรจุในโกศงาช้างและเก็บรักษาไว้สืบมา


ต่อมาพระเมืองแก้ว แห่งราชวงศ์มังราย ครองราชย์ระหว่างปีพุทธศักราช 2038-2068 ได้โปรด ให้สร้างพระวิหารจตุรมุข โดยมีมณฑปตั้งอยู่กลางวิหารจตุรมุข เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุ แต่เมื่อสิ้นรัชกาลของพระเมืองแก้ว วัดพระธาตุศรีจอมทองกลายเป็นวัดร้าง ต่อมาได้กลับคืนสภาพเป็นวัด อีกครั้ง ชาวบ้านไปอาราธนาพระญาณมงคลจากวัดทุ่งตุ มาเป็นเจ้าอาวาส ทั้งนี้พระมหากษัตริย์ เมืองเชียงใหม่อีกหลายพระองค์ ได้ทรงทำนุบำรุงและถวายเครื่องสักการะสืบมาอย่างต่อเนื่องด้วย พระราชศรัทธาต่อพระธาตุ ได้รับการยกฐานะเป็นวัดพระอารามหลวง เมื่อปีพุทธศักราช 2506

ที่มา : พระอารามหลวงเล่ม 2 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม
3
308.วัดชนาธิปเฉลิม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : มหานิกาย
แขวง/ตำบล : พิมาน
เขต/อำเภอ : เมืองสตูล
จังหวัด : สตูล   
พ.ศ.ที่สร้าง : พ.ศ.2425
พิกัด  : 6.61086, 100.06418

วัดชนาธิปเฉลิม ตั้งอยู่ ถนนศุลกานุกูล ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล เดิมชื่อ วัดมำบัง ถือเป็นวัดแห่งแรก ของจังหวัดสตูล สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2425 ต่อมาในปี พ.ศ. 2482 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดชนาธิปเฉลิม วัดแห่งนี้เป็นที่ รวมน้ำใจของชาวพุทธมาร่วม 100 กว่าปีมาแล้ว พระอุโบสถของวัดสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2473 มีลักษณะเด่นแตกต่างจากพระอุโบสถทั่วไป
คือ เป็นอาคารทรง ๒ ชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ใช้เป็นศาลาการเปรียญ ชั้นบนเป็นอาคารไม้ ใช้ประกอบพิธีกรรมของพระสงฆ์ ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นระเบียงมีบันไดทั้ง 2 ข้าง เสาบานหน้าต่าง
แกะสลักเป็นรูปเครือเถา

ในปัจจุบันมีโรงเรียนเทศบาล 2(วัดชนาธิปเฉลิม) อยู่ติดกับวัดซึ่งล้อมรอบด้วยคลอง จํานวน 3 สาย คือ คลองมำบัง คลองเส็นเต็น และคลองตายาย

พระธาตุเจดีย์ศรีเมืองไต้ ซึ่งประดิษฐานอยู่บริเวณลานโพธิ์ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2553 มีความสูง จากพื้น 40 เมตร ฐานพระธาตุกว้าง 12 x 12 เมตร การก่อสร้างได้แบบมาจากวัดกุสินาราเฉลิมราช ซึ่งเป็น วัดไทยในประเทศอินเดีย จุดประสงค์การสร้างก็เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกราตุที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ประทานมาให้วัดชนาธิปเฉลิม กับพระบรมสารีริกราตุที่อัญเชิญ มาจากประเทศพม่า พระธาตุเจดีย์ศรีเมืองได้เป็นสถาปัตยกรรมที่ประกอบด้วยยอดเจดีย์ทรงลังกาหรือโปร่งขาม และตัวอาคาร ซึ่งมี 2 ชั้น อาคารชั้นที่ 2 เป็นเรือนกระจกมีบุษบก ส่วนชั้นล่างจัดทำเป็นห้องพิพิธภัณฑ์ ใช้เพื่อจัดแสดงศิลปวัตถุที่ทางวัดรวบรวมไว้

พระพุทธสิกขีทศพลญาณที่ 1 หรือ สมเด็จองค์ปฐม คือ พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระองค์ แรกแห่งโลกธาตุ สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบ 12 รอบ ของการตั้งวัด เป็นพระพุทธปฏิมากรปางมารวิชัย เนื้อสำริดนวโลหะ (โลหะ 9 ชนิด) หน้าตักกว้าง 1.92 เมตร สูง 3.6 เมตร สร้างโดยทีมงานสร้างอนุสาวรีย์วีรกษัตริย์ไทย 7 พระองค์ ณ อุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และรูปปั้นจ่าแซม ที่วนอุทยาน ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย

สมุดข่อย วัดชนาธิปเฉลิม มีด้วยกัน 3 ฉบับ สภาพยังสมบูรณ์ เรียบร้อยดี สมุดข่อย ขนาด 5x40 เซนติเมตร เขียนด้วยตัวอักษรขอม ไม่มีภาพเขียน เขียนด้วบรรจง เป็นระเบียบ ด้วยปากกาและหมึกสีดำชัดเจน ขนาดตัวอักษร 0.5 เซนติเมตร ตัวอักษรเหมือนบันทึกทั่วไป

ที่มา : ป้ายในวัด

4
308.วัดตันตยาภิรม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : มหานิกาย
แขวง/ตำบล : ทับเที่ยง
เขต/อำเภอ : เมืองตรัง
จังหวัด : ตรัง
พ.ศ.ที่สร้าง : พ.ศ.2430
พิกัด  : 7.56128, 99.59949

วัดตันตยาภิรม สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2430 สมัยรัชกาลที่ 5 เดิมเรียกว่า วัดต้นสะตอ แรกเริ่ม สร้างวัด มีพระภิกษุถือรุกขมูลดินธุดงค์มาพักได้ต้นสะตอใหญ่ บริเวณที่ตั้งวัดปัจจุบัน ต่อมา หลวงสมานสมัคจีนนิกร ต้นสกุล สมมานกุล และแม่หนูเกตุ ได้บริจาคที่ดินถวายให้เป็นที่สร้างวัด วัดนี้จึงเป็น ที่บำเพ็ญกุศลของประชาชนไทย-จีน สืบมา ต่อมาพระธรรมวโรดม (เซ่ง อุตตมะเถระ) วัดราชาธิวาส ได้ เปลี่ยนชื่อให้เป็น วัดตันตยาภิรม ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปีพุทธศักราช 2527

ที่มา : พระอารามหลวงเล่ม 2 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

5
ข้อที่ชอบอันสุดท้ายคือเรื่อง ตัวล็อคขาตั้งกล้อง

ผมจะชอบซื้อขาตั้งกล้องที่มีตัวล็อคเป็นแบบ บานพับ
ไม่ชอบแบบตัวล็อคแบบหมุนๆ ผมว่ามันช้าเล็อคยาก ใช้เวลาในการกางขาง ปรับขากว่าแบบบานพับ
6
ผมว่าสะดวกกว่า ใช้ง่ายกว่า แม่นยำกว่า Sunwafoto อีกนะครับ ส่วนตัวชอบอันนี้มากกว่า เหมาะกับกล้องตัวใหญ่ ถ้าใช้กับ กล้อง Mirrorless ก็จะดูใหญ่ไป

ข้อดีครับ

1. ปรับให้ได้ตำแหน่งเร็วกว่าหัวเกียร์ข้อ 3. SUNWAYFOTO GH PROIII 4. Ulanzi U190 Pro
2. แม่นยำกว่า ได้ดั่งใจ ปรับละเอีดยได้ทั้งแกน x y z
3. เหมาะกับถ่ายงานสถาปัตยกรรม

ข้อเสีย
1. น้ำหนักเยอะ
2. ใช้กับกล้องตัวเล็กก็จะดูเทอะทะไปหน่อย ไม่สะดวก
7
มาถึงตัวสุดท้าย

5. Benro GD3WHCN

เป็นหัวที่ปรับละเอียดได้ทั้ง 3 แกน x y z มีระดับน้ำให้ดูทุกแกน ดีมากๆ
8
สะดวกดีอยู่นะ ถูกใจ ใช้กับกล้องตัวใหญ่ไม่ไหวนะ
9
กว่าจะเจอ และได้ทดลองใช้ แต่ก็ยังไม่ค่อยชินเท่าไร แต่ด้วยความเอนกประสงค์มัน และขนาด น้ำหนักไม่เยอะ ปักใจกับตัวนี้

ข้อดี

1. ที่ชอบมากคือสลับถ่ายภาพ แนวนอนเป็นแนวตั้งได้
2. สามาถถ่ายวีดีโอได้ แบบแพนกล้อง หัวบอลเป็นน้ำมัน สมูทเยอะมาก
3. มีหัวบอลผสมมาด้วยด้านล่างทำให้เราปรับระดับได้เร็วขึ้นมาก
4. น้ำหนักเบา ใช้ร่วมกับขาตัวเล็กๆ พอได้ดี

ข้อเสีย

1. เหมาะกับกล้อง Mirrorless หรือเล็กกว่า
2. เนื่องจากเป็นหัวน้ำมัน การจะล็อคให้ตรงตามองศาที่ต้องการจะยากหน่อย
4. ไม่มีตัวปรับละเอียด
10
เมื่อไปเที่ยว ก็ต้องถ่ายวีดีโอด้วยสิ เอ้าปัญหาเกิด หัวบอลเดิมเน้นภาพนิ่ง ทำไงดีล่ะจนมาเจอตัวนี้ (ปัจจุบันใช้ตลอด)

4. Ulanzi U190 Pro
Pages: [1] 2 3 ... 10