แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - designbydx

Pages: [1] 2 3 ... 431
1
ภาพที่ 5 เป็นภาพการอินทิเกรด 3 ชั้นจาก -อินฟินิตี้ ถึง +อินฟินิตี้ (คือการหาปริมาตรใน Space โดยไม่มีที่สิ้นสุด) อยากให้หมายถึงความโลภอยาได้มากๆ เกิดการทำทุกทางดิ้นรนให้ได้มา
-อินฟินิตี้จะใช้ไข่ สีดำ
+อินฟินิตี้ใช้ใช่สีขาว
∫_(-∞)^∞▒∫_(-∞)^∞▒∫_(-∞)^∞▒0dxdydz

แต่ไม่ได้ทำ 555

สนุกดี ใช้พลังเยอะอยู่นะ คนสร้างงานน่าจะเหนื่อยอยู่นะ

2
ภาพที่ 4 เป็นภาพไข่สีทองวางกองจำนวนมากอยู่ขวามือ อีกฝั่งมีภาพฆ้อนกำลังทุบไข่สีทองด้วยความรุนแรง เปลือกไข่กระจาย แต่ข้างในไม่มีอะไร แบคกราวสีแดง(อยากให้ดูตื่นเต้น ปนผิดหวัง)

3
ภาพที่ 3 วางใข่ให้เต็มกรอบ สี่เหลี่ยมแน่นเรียงไปในทิศเดียวกัน แต่ตรงกลางเป็นใข่สีทองสองใบวางชนกันให้ดูเหมือนเลข 8 หรือ อินฟินิตี้ และจะเพิ่มมือเข้าไปหยิบ ภาพจะเป็นแบบ Motion Blur พุ่งเข้าไปหาไข่

4
ภาพที่ 2 เป็นภาพที่ 1 แต่ไม่เกิด Motion Blur อยากแสดงให้เห็นว่าหยุดนิ่ง และใข่สีทองแตกออก แต่ข้างในไม่มีอะไร มีแต่ความว่างเปล่า

5
ลองมาตีความในความคิดของเราจะถ่ายทอดออกมาอย่างไร

โครงงาน “การดิ้นรน / Struggle”
แนวคิด : การดิ้นรน ในความหมายคือ การไม่หยุดนิ่ง ขับเคลื่อนตลอดเวลา เพื่อจุดประสงค์หนึ่ง แล้วก็วนไปจุดประสงค์ต่อไปไม่สิ้นสุด จำกัดความได้ว่า การดิ้นรนคือ การไม่หยุดนิ่ง และไม่สิ้นสุด

เทคนิคการสร้างงาน : ถ่ายภาพด้วยการจัดฉาก ร่วมกับการตกแต่งภาพ

ภาพที่ 1 ที่คิดไว้ ใช้ไข่เป็นตัวเริ่ม คือ เกิด(ไข่) และก็วนเวียนไปเรื่อยไม่สิ้นสุด เมื่อวนเวียนก็เกิดการดิ้นรนให้อยู่รอด ดำรงคงอยู่ต่อไป
-ไข่ 12 ใบ(ปฏิจสมุปบาท 12 ขั้น) มี 1 ใบเป็นสีทอง(ใครๆ ก็อยากได้)
-วางเรียงกันเป็นวงกลม โดยให้ไข่สีทองอยู่ตำแหน่ง 1 นาฬิกา
-วางบนแบคกรานสีเขียว(ธรรมชาติ)
-ไข่ใบที่เหลือเป็นสีเทา (ยังคิดไม่ออกว่าจะเป็นสีอะไรดี ที่แสดงความวุ่นวาย)
-ทำภาพให้เกิด Motion Blur วนตามเข็ม แต่ไข่สีทองยังชัดอยู่

6
ความต่างของเลนส์ ทั้่งสองแบบนะครับ
1.canon EF-S 18-135 mm F3.5-5.6 IS nano USM หน้าเลนส์ 67 มม.
2.EF-M 15-45 F3.5-6.3 IS STM หน้าเลนส์ 49 มม.
3.EF-M 55-200 F4.5-6.3 IS STM หน้าเลนส์ 52 มม.

จะเห็นว่า F ต่างกันอยู่นะที่ช่วงปลาย 5.6 กับ 6.3
มันกันสั่นเลนส์ทั้งสองแบบ
น้ำหนักต่างกัน 200 กรัม รู้สึกไหมอ่ะ กลุ้มเนอะ 555
ความคมสูสีกันะครับ ไม่ต่างกันมากทดสอบแล้ว แต่ EF-M จะได้ระยะซูมเพิ่ม
ส่วน EF-S มีสวิทย์กันสั่นที่เลนส์ สะดวกกว่า
EF-M ใช้พื้นที่เก็บน้อยกว่าเยอะเลยนะ พกง่ายกว่ามากๆ  8)



7
เอ๊ะ หรือว่าจะยอมเปลี่ยนเลนส์แลกก้บน้ำหนักที่เบาขึ้น ลองมาประกบกับเลนส์ EF-M สิ

EF-M 15-45 F3.5-6.3 IS STM หน้าเลนส์ 49 มม.
EF-M 55-200 F4.5-6.3 IS STM หน้าเลนส์ 52 มม.

น้ำหนักรวม 800 กรัม เบากว่า กรณีแรก 200 กรัม เอาไหมๆๆๆ  ??? ???

8
ทดสอบบนขาตั้งกล้องนะครับ ถ่ายเป็น raw file เริ่มจาก (ไม่ได้สนใจ Distortion กับ Vignetting นะครับ)
ระยะ 18 มม. F3.5 F5.6 F8 F11
ระยะ 50 มม. F5.6 F8 F11
ระยะ 135 มม. F8 F11

สรุป
ความคมอยู่ระหว่าง F8-F11
ระบบกันสั่นทำงานนะครับ ถึงจะใช้อะแดปเตอร์ไม่ใช่ของค่าย
ผ่านๆๆ ใช้ได้


ข้อดีนะครับที่ชอบ
1.กล้องตัวเล็กเบา พกง่าย
2.เลนส์มีกันสั่น ปิด-เปิด ที่ตัวเลนส์ได้เลย ไม่ต้องเข้าไปเซตในกล้อง
3.ชอบสวิตท์ที่สลับ AF MF สะดวกมากๆ
4.แบตก็ไม่ได้หมดเร็วเท่ากับตัวเก่า
5.ความละเอียด 33 ล้าน

ข้อเสียนะ
1.รวม นน. แล้ว 1 กก. สำหรับเราถือว่าหนักนะ
2.เลนส์มีขนาดใหญ่ หน้าเลนส์ 67 มม.
3.เขาเลิกผลิตกันหมดแล้วนะ 555
4.ค่อนข้างช้านะเพราะมันใช้จอหลังอย่างเดียว แต่เราไม่ได้ถ่ายอะไรเร็วๆ อยู่แล้วรับได้

canon M6 Mark II 18,000 บาท
canon efs 18-135 6,700 บาท
adapter 500 บาท
รวม 25,200 บาท

9
แล้วเราก็มาเจอเลนส์ canon EF-S 18-135 mm F3.5-5.6 IS nano USM ดูรีวิว เอ้าบอกว่าคม เอ้าลองดูสิ (ไม่มีรีวิวที่ชัดเจนบอกถึงคุณภาพภาพที่ได้ เมื่อใช้กับ M6 MarkII) ทำไงก็ต้องทดสอบเองสิ

การใช้เลนส์ efs จะต้องผ่านอะแดปเตอร์ เราเลือกใช้ของ Meike เพราะไม่แพงมาก เดี๋ยวมาทดสอบกัน

นำมาประกอบคู่กันแล้ว น้ำหนักรวมประมาณ 1 กก. หนักไม่ใช่เล่นนะเนี่ย แล้วกันสั่นของเลนส์จะตอบสนองไหมนี่มันผ่านอะแดบเตอร์รู้สึกกังวล (บอดี้ไม่มีกันสั่นนะครับ) งงอยู่

10
ได้เวลาหากล้องเดินป่า-ท่องเที่ยว ตัวใหม่แทน กล้อง canon g7x mark III

ทำไมต้องเปลี่ยน เพราะว่า ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เพิ่มมา ความสามารถที่เพิ่มขึ้น มาช่วยปิดข้อด้อยของกล้องตัวเดิมที่ขัดใจอยู่ ตัวอย่างเช่น แบตเตอร์รี่ที่หมดเร็วเกินไป ระบบกันสั่น ความคมชัดของภาพ(เราชอบแต่งรูปล่ะ ก็เลยอยากถ่ายเป็น raw file) ความละเอียดที่น้อยไปหน่อย ชีวิตก็วนๆ อยู่อย่างนี้ล่ะ 5555

เรามีโจทย์คือ
1.   นน.ต้องเบา
2.   เลนส์ต้องใช้ตัวเดียวครอบจักรวาล และต้องคม ไม่สะดวกในการเปลี่ยนเลนส์บ่อยๆ
3.   ขนาดไฟล์ต้องไม่เล็กกว่า 24 ล้าน ต้องเซนเซอร์ไม่ต่ำกว่า APSC พอจะครอบได้บ้าง
4.   ราคาไม่แพงเกินไป
5.   ถ่าย 4K ได้ ไม่ตัดเร็วเกินไป ถ่าย Timelapse ได้


ในที่สุดก็มาสะดุดกับกล้องที่ไม่ดัง และเลิกผลิตแล้ว อืม น่าจะเหมาะกับวิถีเรานะ คือ Canon M6 MarkII ลังเลไม่น้อยเพราะเลิกผลิตแล้ว เลนส์ก็มีตัวครอบจักรวาลคือ EF-M 18-150 ดูริวิวแล้วโอ๊ยย ตายไม่ผ่าน ทำไงดี ถ้าเลือกใช้ EF-M 55-200 ช่วงมุมกว้างก็หายไปอีก กลุ้มจริงๆ หรือต้องยอมพกเลนส์กว้างอีกตัวเป็นสองตัว....



12
อันนี้ก็อีกแบบ ลองซื้อมาเล่นกันดูนะครับ

13
5. ฟิลเตอร์แบบต่างๆ

การใช้ฟิลเตอร์นี้ก็ยังไม่เก่งนะครับ ยังงงๆ กับผลที่ได้ การสร้างสรรผลงานก็ยังทำได้ไม่ดี ลองมาดูตัวอย่างกัน
ผมซื้อจากที่นี่นะถูกดี

https://shopee.co.th/Knightx-Kaleidoscope-Prism-Swirl-Filter-%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%8C-DSLR-i.341578162.27371721357


14
304.วัดสำราญนิเวศ

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : ธรรมยุต
แขวง/ตำบล : บุ่ง
เขต/อำเภอ : เมืองอำนาจเจริญ   
จังหวัด : อำนาจเจริญ
พ.ศ.ที่สร้าง : พ.ศ.2484
พิกัด  : 15.86816, 104.62748

วัดสำราญนิเวศ
สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2484 โดยพระครูทัศนประกาศ (บุ จนฺทสิริ) เป็น เจ้าอาวาสองค์แรก พร้อมด้วยพระภิกษุ สามเณรและอุบาสกอุบาสิกา ได้ก่อสร้างปรับปรุงศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนบุคคล และศาสนธรรม เดิมเป็นวัดป่าร่มรื่นลงัดเงียบ เหมาะสมในการเจริญสมณธรรม ของพระกรรมฐาน อุบาสก อุบาสิกา ศรัทธาในการปฏิบัติธรรม จึงได้ช่วยกันพัฒนาและตั้งเป็นวัดขึ้น ชื่อว่า วัดสำราญนิเวศ ให้เป็นวัดคู่กับวัดพรหมวิหาร อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร ต่อมาสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ได้ส่งพระมหาดุสิต เทวิโล วัดบรมนิวาส มาเป็นเจ้าคณะอำเภออำนาจเจริญ มาช่วยพัฒนาวัดจนเป็น ศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน และได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปีพุทธศักราช 2543

ที่มา : พระอารามหลวง เล่ม 2 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

15
303.วัดศรีธรรมาราม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : ธรรมยุต
แขวง/ตำบล : ในเมือง
เขต/อำเภอ : เมืองยโสธร
จังหวัด : ยโสธร
พ.ศ.ที่สร้าง : พ.ศ.2361
พิกัด  : 15.78705, 104.14144

วัดศรีธรรมาราม สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2361 โดยพระสุนทรรายวงษา เจ้าเมืองยโสธร ชื่อว่า วัดศรีธรรมหายโศก ครั้งเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการ และเยี่ยมวัด จึงได้เปลี่ยนนามวัดว่า วัดอโสการาม ต่อมาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงดำริถึงชื่อวัดนี้ต่อเจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา คือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโส) จึงเปลี่ยนนามวัดว่า วัดสร่างโศก ต่อมาได้เปลี่ยนใช้ชื่อว่า วัดศรีธรรมาราม แต่ชาวบ้านเรียกว่า วัดท่าชี วัดท่าแขก และวัดนอก

วัดศรีธรรมาราม เคยเป็นที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาสมัยการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราช พิธีเจริญพระพุทธมนต์น้ำมุรธาภิเษกทุกรัชกาล และพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในหลวงรัชกาลปัจจุบัน ได้รับ ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปีพุทธศักราช 2532

ที่มา : พระอารามหลวง เล่ม 2 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

16
302.วัดมหาธาตุ จังหวัดยโสธร

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : มหานิกาย
แขวง/ตำบล : ในเมือง
เขต/อำเภอ : เมืองยโสธร
จังหวัด : ยโสธร
พ.ศ.ที่สร้าง : พ.ศ.2321
พิกัด  : 15.45966, 104.26851

วัดมหาธาตุ สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2321 เดิมชื่อว่า วัดทุ่ง เนื่องจากบริเวณวัดติดกับทุ่งนา สร้างโดยท้าวฝ่ายหน้า, ท้าวคำสิงห์, ท้าวคำผง (สมัยพระเจ้าวรวงศา (พระวอ) เสนาบดีเมืองเวียงจันทน์ นครจำปาศักดิ์) พร้อมด้วยบุตรธิดาพี่น้องไพร่พล ได้ร่วมกันสร้างวัดมหาธาตุ ต่อมาท้าวฝ่ายหน้า ทำการปราบกบฏเชียงแก้วได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดตั้งให้ท้าวฝ่ายหน้า เป็นเจ้าพระยาวิชัยราชขัตติยวงศา และได้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ให้เจริญขึ้น ครั้นเจ้าพระยาวิชัยราชขัตติยวงศา ถึงแก่พิราลัย บุตรจึงได้นำอัฐิของเจ้าพระยาวิชัยราชขัตติยวงศามาบรรจุไว้ที่เจดีย์ของวัดมหาธาตุ (วัดทุ่ง) ซึ่งยังปรากฏเป็นเจดีย์อยู่จนถึงบัดนี้ ได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปีพุทธศักราช 2532

ที่มา : พระอารามหลวง เล่ม 2 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

17
301.วัดบึงพระลานชัย

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : ธรรมยุต
แขวง/ตำบล : ในเมือง
เขต/อำเภอ : เมืองร้อยเอ็ด
จังหวัด : ร้อยเอ็ด
พ.ศ.ที่สร้าง : พ.ศ. 2318
พิกัด  : 16.05637, 103.64923

วัดบึงพระลานชัย เป็นวัดโบราณ สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2318 โดยพระยาขัติยวงษา (เภา ธนสีลังกูร) เจ้าเมืองร้อยเอ็ด ได้ชักชวนข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนมาบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้น และให้ชื่อว่า วัดบึงพระลานชัย แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดบึง

ต่อมาปีพุทธศักราช 2530 หลวงสงกรานต์วิศิษฐ์ ได้นำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชนบูรณะฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้ชื่อเดิมซึ่งถือว่าบริเวณนี้ เป็นวัดโบราณ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ใกล้กับบึงพลาญชัย มีสระเรียกว่า สระชัยมงคลซึ่งเป็นสระโบราณ คู่บ้านคู่เมือง และเป็นสถานที่ประกอบพิธีฉลองชัยจากการศึกของเจ้าเมืองโบราณ ต่อมาพระยารณชัยชาญ ยุทธสมุหเทศาภิบาล ผู้ว่าราชการมณฑลร้อยเอ็ด ได้อาราธนาพระครูวินัยธรหล้า จากวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าอาวาส ภายหลังเจ้าอาวาสองค์ต่อๆมาได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะ มาตามลำดับ ในปีพุทธศักราช 2528 ได้สร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่แทนหลังเก่าที่ประสบวาตภัย

ที่มา : พระอารามหลวง เล่ม 2 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม


18
300.วัดกลางมิ่งเมือง

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : มหานิกาย
แขวง/ตำบล : ในเมือง
เขต/อำเภอ : เมืองร้อยเอ็ด
จังหวัด : ร้อยเอ็ด
พ.ศ.ที่สร้าง : -
พิกัด  : 16.06184, 103.65466


วัดกลางมิ่งเมือง สร้างตั้งแต่สร้างเมืองร้อยเอ็ด อยู่ใจกลางเมืองจึงเรียกชื่อว่า วัดกลาง และ ได้พบหลักฐานชิ้นหนึ่งที่ข้างกำแพงแก้วพระอุโบสถ คือ ก้อนอิฐจารึกอักษรธรรมไว้ว่า ชาสิมปั้นดินจี่สร้างสิมก้อนอิฐนี้ ปัจจุบันได้ฝังติดกับแท่นในวิหารสุนทรธรรมประพุทธ ตามหลักฐานแสดงว่าวัดและพระอุโบสถสร้าง มาได้หลายร้อยปี ได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปีพุทธศักราช 2508

ที่มา : พระอารามหลวง เล่ม 2 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม


19
299.วัดบูรพาภิราม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : มหานิกาย
แขวง/ตำบล : ในเมือง
เขต/อำเภอ : เมืองร้อยเอ็ด
จังหวัด : ร้อยเอ็ด
พ.ศ.ที่สร้าง : -
พิกัด  : 16.06217, 103.65853

วัดบูรพาภิราม เดิมชื่อว่า วัดหัวรอ เพราะเป็นที่พักรวมแขกคนที่เดินทางมายังจังหวัดร้อยเอ็ด ต่อมาปีพุทธศักราช 2464 สมัยที่พระอธิการหล้า อินฺทร์โส เป็นเจ้าอาวาส ได้ขยายอาณาเขตมาจัดตั้งใหม่ ที่ดงเจ้าพ่อมเหศักดิ์ ซึ่งเป็นที่สาธารณะอยู่ติดกับที่ตั้งวัดเดิมและได้ขนานนามวัดใหม่ว่า วัดบูรพา เพราะ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง ต่อมาในปีพุทธศักราช 2492 ได้เปลี่ยนนามวัดเป็น วัดบูรพาภิราม ได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปีพุทธศักราช 2531

ที่มา : พระอารามหลวง เล่ม 2 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

20
298.วัดมหาชัย

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : มหานิกาย
แขวง/ตำบล : ตลาด
เขต/อำเภอ : เมืองมหาสารคาม
จังหวัด : มหาสารคาม
พ.ศ.ที่สร้าง : -
พิกัด  : 16.18494, 103.3068

วัดมหาชัย สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2404 โดยท้าวมหาไชย (กวด ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม) ผู้สร้างเมืองมหาสารคาม และเป็นเจ้าเมืองคนแรก ซึ่งได้รับมอบหมายจากพระขัติยาวงศา (จันทร์) เจ้าเมือง ร้อยเอ็ด ให้มาตั้งหมู่บ้านที่ข้างห้วยกุตลาดย่างใย เมื่อตั้งหมู่บ้านได้แล้ว จึงเริ่มหาสถานที่สร้างวัดประจำ หมู่บ้าน

ต่อมา ในปีพุทธศักราช 2508 พระขัติยาวงศา (จันทร์) กราบบังคมทูลรัชกาลที่ 4 แบ่งแยกท้องที ขอตั้งบ้านกุดลาดย่างใยเป็นเมือง ได้รับพระราชทานนามว่า เมืองมหาสารคาม และให้ท้าวมหาไชย (กวด) เป็นเจ้าเมือง พร้อมพระราชทานยศให้เป็นพระเจริญราชเตย จากนั้นก็ได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้เพิ่มเติม และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช 2508 โดยมีนามว่า วัดเหนือ เพราะอยู่ ทางเหนือน้ำ เมื่อถึงปีพุทธศักราช 2482 สมัยพระสารคามมุนี (สาร ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม) เป็นเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าอาวาสในขณะนั้น ได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดมหาชัย เพื่อเป็นเกียรติแก่ พระเจริญราชเดช (ท้าวมหาไชย) ผู้สร้างบ้านเมือง ได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปีพุทธศักราช 2527

ที่มา : พระอารามหลวง เล่ม 2 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

Pages: [1] 2 3 ... 431