แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - designbydx

Pages: [1] 2 3 ... 443
1
พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาสอยู่ในผังจตุรมุข โดยมุขด้านทิศเหนือ-ใต้ จะสั้นกว่า หลังคาประดับรวยระกา และซ้อนชั้นแบบประเพณี มีช่อฟ้านาคเบือนแบบปากปลาตามแบบสกุลช่างวังหน้า

2
ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปประธานประทับยืน ปางห้ามญาติ ภายในบุษบกทางผนังด้านสกัดฝั่งตะวันตก

3
ถ่ายเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. เขากำลังทำพิธีกัน

4
13 วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า)

วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า)
พุทธสถานแห่งนี้ ตั้งอยู่ในบริเวณซึ่งในอดีต คือ ภานเขตพระราชฐานชั้นนอกด้านทิศเหนือ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ (พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ ๓) โปรตาให้สร้างขึ้น พุทธบูชาแบบเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง
จึงมีชื่อเรียกสามัญว่า วัดพระแก้ววังหน้า

การก่อสร้างพุทธสถานดำเนินต่อมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ ๔ ซึ่งทรงสถาปนาพระอิสริยยศเสมอกับพระเจ้าแผ่นดิน) แต่ไม่ทันแล้วเสร็จ ทรงสวรรคตก่อน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯให้บูรณปฏิสังขรณ์ต่อมาจนแล้วเสร็จ ด้วยทรงมีพระราชดำริใช้เป็นพระอารามประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ แต่ตลอดรัชสมัย ไม่มีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ไปประดิษฐานแต่อย่างใด
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯให้สถาปนาตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร แทนตำแหน่งพระมหาอุปราช (วังหน้า) เมื่อ พ.ศ.๒๔๓๐ โปรดฯให้รื้อถอนส่วนป้อม กำแพง และอาคารหลายแห่งในพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)

ต่อมา ใน พ.ศ.๒๔๔๓ โปรดฯให้ซ่อมแปลงพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาสเพื่อเป็นเมรุที่นาน ใช้ประกอบพระราชพิธีการพระบรมศพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ และพระบรมวงศานุวงศ์ที่สิ้นพระชนม์ไปในช่วงเวลาต่างๆ หลังจากนั้น พุทธสถานแห่งนี้เริ่มทรุดโทรม จึงมีการบูรณะอย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง เช่น ใน พ.ศ.๒๔๘๐. พ.ศ.๒๕๐๕, พ.ศ.๒๕๕๗

ลักษณะสถาปัตยกรรมของพระอุโบสถของวัดบวรสถานสุทธาวาส เป็นอาคารทรงไทย หลังคาทำเป็นมุช ๔ ด้าน ซ้อนกัน ๒ ขั้น มุงด้วยกระเบื้องเคลือบ กรอบหน้าบันประดับด้วย ช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง หางหงส์ ส่วนหน้าบันประดับลายปูนปั้นรูปดอกไม้ และใบไม้ ประดับกระจกสี ตัวอาคารพระอุโบสถก่ออิฐถือปูน บนผนังอาคารแต่ละด้าน มีประตู ๓ ประตู เว้นด้านตะวันตกมี ๒ ประตู และมีช่องหน้าต่างรวม ๑๖ ช่อง ผนังภายในพระอุโบสถเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ได้แก่ ภาพทิพยวิมานและหมู่เทวดา ภาพอดีตพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ ภาพเล่าเรื่องตำนานพระพุทธสิหิงค์ ภาพพุทธประภาพเทพเจ้าฮินดูภาพจากวรรณคดีสำคัญ เช่น กับภีร์ภารตนาฏยศาสตร์ รามเกียรติ์ นารายณ์สิบปาง เป็นต้น

ที่มา : ป้ายในวัด

***ปกติวัดพระแก้ววังหน้าไม่ได้เปิดให้เข้าชมทั่วไป นอกจากตามวาระ แต่วันนี้ 7 มกราคม เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงเปิดให้เข้าสักการะเป็นกรณีพิเศษ

5
307.วัดเพชรวราราม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : ธรรมยุต
แขวง/ตำบล : เมือง
เขต/อำเภอ : เมืองเพชรบูรณ์
จังหวัด : เพชรบูรณ์
พ.ศ.ที่สร้าง : พ.ศ.2497
พิกัด  : 16.41592, 101.16335

วัดเพชรวรารามสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2497 และเพิ่งจะได้รับการยกฐานะให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ เมื่อกลางปี พ.ศ.2555 นี้เอง

วัดเพชรวรารามตั้งอยู่ที่ตำบล ในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ภายในวัดมี พระอุโบสถ ที่สวยงาม และ ที่ด้านหลังพระอุโบสถ มี พระมณฑป ซึ่ง เป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธบาทจำลอง และ พระไพรีพินาศ และที่ใกล้ๆ กับพระมณฑป มีซุ้มพระ จำนวน 2 ซุ้ม มีศาลาหลังเล็กที่อยู่รายรอบพระอุโบสถ เป็นที่เรียน พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์และจัดกิจกรรมต่างๆ

ที่มา : พระอารมหลวง The Royal Monastery เล่ม 2 กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

6
306.วัดมหาธาตุ จังหวัดเพชรบูรณ์

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : มหานิกาย
แขวง/ตำบล : เมือง
เขต/อำเภอ : เมืองเพชรบูรณ์
จังหวัด : เพชรบูรณ์
พ.ศ.ที่สร้าง : พ.ศ.1926
พิกัด  : 16.42089, 101.15521

วัดมหาธาตุ สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 1926 ต่อมาเป็นวัดร้างสมัยหนึ่งเหมือนวัดมหาธาตุจังหวัดอื่น ๆ ชนวัดมหาธาตุ เมืองศรีสัชนาลัย เป็นต้น วัดมหาธาตุส่วนใหญ่จะอยู่ในวัง เมื่อวังร้าง วัดก็พลอยร้างไปด้วย

ต่อมาได้มีการบูรณะวัดมหาธาตุอีกครั้ง โดยก่อสร้างใหม่ทั้งหมด ถอยร่นลงมาทางแถบใต้ ติดริมคลองตลุกในปัจจุบัน แต่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ปล่อยให้ของมีอยู่อย่างเก่าโดยมิได้แตะต้อง มีสภาพคล้าย เป็น ๒ วัด โดยมีสระลีและสระมนเป็นแดนกั้นกลาง จากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ฝั่งทิศเหนือนับแต่
กระทั้งสองขึ้นไปเป็นแดนศักดิ์สิทธ์ ฝั่งทิศใต้นับจากสระทั้งสอง ลงมาถึงคลองตลุก เป็นสถานที่ก่อสร้างใหม่

สมัยพระวินัยธรรมแพ เป็นเจ้าอาวาสได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถใหม่ในเขตดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คือ พระอุโบสถหลังปัจจุบัน และถมสระทั้งสอง พร้อมทั้งสร้างศาลาบริเวณสระลี ในที่สุดดินแดนทั้งสองจึง กลายเป็นแดนเดียวกันมาจนถึงปัจจุบัน

ที่มา : พระอารามหลวง เล่ม 1 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

7
305.วัดไพรสณฑ์ศักดาราม

ลำดับชั้น : วัดพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิด : สามัญ
นิกาย : มหานิกาย
แขวง/ตำบล : หล่มสัก
เขต/อำเภอ : หล่มสัก
จังหวัด : เพชรบูรณ์
พ.ศ.ที่สร้าง : พ.ศ.2382
พิกัด  : 16.7836, 101.24425


วัดไพรสณฑ์ศักดาราม สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2382 โดยพระสุริยวงศาชนสงครามภักดีวิริยกรมพาหะ (คง) เจ้าเมืองหล่มสัก เป็นวัดคู่เมือง เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา เดิมชื่อ วัดป่า ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดอรัญญาวสี ในปีพุทธศักราช 2484 ได้เรียกชื่อใหม่ว่า วัดป่าหล่มสัก หลังจากเปลี่ยนมาเป็นจังหวัดเพชรบูรณ์แล้ว จึงเปลี่ยนเป็นชื่อ วัดไพรสณฑ์ศักดาราม เมื่อปีพุทธศักราช 2495 ภายหลังได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะ และถาวรวัตถุต่าง ๆ มาตามลำดับ

ที่มา : พระอารามหลวงเล่ม 1 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

9
ได้เวลากลับแล้ว แต่ยังกลับไม่ได้เครื่องดีเลย์ 3 ชม นั่งๆ นอนๆ รอไป
ขอบคุณครับที่ติดตาม

12
หอคอยของพระราชวังมัณฑะเลย์

หอคอยนี้ ที่พระนางศุภยาลัต (พระราชินีพระองค์สุดท้ายแห่งพม่า)  เสด็จขึ้นมาทอดพระเนตรแสนยานุภาพของกองทัพอังกฤษ ขณะที่กองทัพอังกฤษจึงเคลื่อนทัพยึดมัณฑะเลย์ ในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๒๘  เมื่อทอดพระเนตรเห็นจึงเสียพระทัยว่า จะเสียบ้านเสียเมืองให้อังกฤษเสียแล้ว

13
ถูกสร้างขึ้นใหม่มาแทนของเดิมทั้งหมดนะครับ

14
แวะที่สุดท้ายก่อนกลับบ้าน

5.พระราชวังมัณฑะเลย์
မန္တလေးနန်းတော်
https://maps.app.goo.gl/Rrz1ttiMQqdkm2n38

พระราชวังมัณฑะเลย์ (พม่า: မန္တလေး နန်းတော်) เป็นพระราชวังหลวงในประเทศพม่า เป็นพระราชวังสุดท้ายแห่งระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของอาณาจักรพม่า ถูกสร้างโดยพระเจ้ามินดง ระหว่างปี พ.ศ. 2400–2402 หลังการย้ายเมืองหลวงจากอมรปุระมายังมัณฑะเลย์ แผนผังของพระราชวังมัณฑะเลย์ส่วนใหญ่เป็นแบบพระราชวังพม่าโบราณ คือตั้งอยู่ในกำแพงมีป้อมปราการและคูเมืองล้อมรอบ มีพระราชวังอยู่ตรงกลางและหันหน้าไปทางทิศตะวันออก อาคารทั้งหมดในพระราชวังมีความสูงหนึ่งชั้น จำนวนยอดแหลมเหนืออาคารบ่งชี้ถึงความสำคัญของอาคารด้านล่าง

พระราชวังมัณฑะเลย์เป็นที่ประทับหลักของพระเจ้ามินดงและพระเจ้าสีป่อ ซึ่งเป็นกษัตริย์สององค์สุดท้ายของพม่า พระราชวังแห่งนี้ได้ยุติการเป็นที่ประทับและที่ทำการเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428 ระหว่างสงครามอังกฤษ–พม่าครั้งที่สาม กองทหารของอังกฤษได้เข้ายึดพระราชวังและควบคุมราชวงศ์ อังกฤษเปลี่ยนบริเวณพระราชวังเป็นป้อมดัฟเฟรินซึ่งตั้งชื่อตามผู้สำเร็จราชการอินเดียในขณะนั้น ตลอดยุคอาณานิคมของอังกฤษชาวพม่ามองว่าพระราชวังแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์หลักของอธิปไตยและอัตลักษณ์ บริเวณพระราชวังส่วนใหญ่ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองโดยการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร มีเพียงโรงกษาปณ์และหอสังเกตการณ์เท่านั้นที่เหลือรอด พระราชวังจำลองถูกสร้างขึ้นใหม่ในช่วงพ.ศ. 2533 ด้วยวัสดุที่ทันสมัย

ปัจจุบันพระราชวังมัณฑะเลย์เป็นสัญลักษณ์หลักของมัณฑะเลย์และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

ที่มา วิกิพีเดีย

17
4.ร้านอาหารเป็ดทองคำ golden duck
https://maps.app.goo.gl/JqSPsdPDoCrjGB2C9

ร้านท๊อปของมัณฑเลย์ ก็ต้องมากินให้ได้นะครับ เป็ดร่อนของขึ้นชื่อ

18
ต้องให้มุมกว้างที่มีทั้งหมดนะ ไม่งั้นถ่ายไม่ได้

19
เดินลงบันไดมา(ทางขึ้น) จะพบ

3.เจดีย์สมปรารถนาบนบอดเขามัณฑะเลย์
Byar Deik Paye Buddha Image
ဗျာဒိတ်ပေးဘုရား
https://maps.app.goo.gl/N25zanbkhyPzX73MA

20
ผู้นำบอกว่าจุดนี้เป็นจุดขอพร ที่นิยมกัน

Pages: [1] 2 3 ... 443