Hiking Thai
Hiking Thai => เที่ยวเมืองไทย..ยังไม่ไปก็รู้ => Topic started by: designbydx on มกราคม 18, 2025, 10:14:53 am
-
ล่องเรือแม่น้ำเมย-ถ้ำแม่อุสุ-วัดพระธาตุรัตนเจดีย์ถ้ำแม่อุสุ-น้ำตกตาอึเคคี(2วัน1คืน)
วันแรก ม.ค. 68 เช้าที่ท่าเรือแม่ตะวอ
- การล่องเรือ ได้เลือกไปช่วงน้ำใส และลดระดับลงแล้ว ไปมาแล้ว 3 รอบ น้ำขุ่น ฝนตก ไหลเชี่ยว เราก็นึกว่าจะมีช่วงน้ำใสไหม ปรากฏว่ามีจริง กลุ่มเราล่องเรือเริ่มต้นที่ท่าเรือแม่ตะวอ จ.ตาก ล่องตามแม่น้ำเมยขึ้นไปทางเหนือ ผ่านสบยวม(จุดร่วมแม่น้ำเมยกับแม่น้ำยวม) และมาจบที่สบเมย(จุดร่วมแม่น้ำสาละวินกับแม่น้ำเมย) ระยะทางไปกลับเกือบ 100 กิโลเมตร
- ล่องเรือเสร็จเราไปดูถ้าแม่อุสุ ซึ่งจะเข้าได้หลังน้ำลดถึงจะเดินเข้าไปดูได้ภายในสวยงาม น่ากลัว(ถ้าเดินคนเดียว) ต้องลุยน้ำเข้าไปนะครับ
- หลังจากนั้นเราได้ไปพักแคมป์ริมแม่น้ำเมย ตำแหน่ง 17°17'22.0"N 98°08'52.1"E เป็นหาดทรายขาวละเอียด ซึ่งจะลงไปเดินได้น่าจะช่วงตอนน้ำลดแล้ว นอนสบายไม่มีก้อนหินแข็งหนุนหลังมีน้ำเย๊นเย็นให้อาบ อุณหภูมิเช้าประมาณ 9 องศา ;D ;D
วันที่สอง
- หลับยาวตื่นเช้าไปชมทะเลหมอกที่วัดพระธาตุรัตนเจดีย์ถ้ำแม่อุสุ อยู่ไม่ห่างจากที่แคมป์มากนัก เดินขึ้นขึ้นบันไดสัก 10 นาทีได้(เหนื่อย) ก็จะได้พบกับวิวสวยงาม
- ลงมากินข้าวเสร็จ เอ้า มีแถมน้ำตก น้ำตกตาอึเคคี(Ta U Kay Khee Waterfall တၤအုးခ့ခံထံလီၤဆူ) ตำแหน่ง 17.215671745322133, 98.14093971299161 ฝั่งรัฐกะเหรี่ยง อยู่ห่างออกไปประมาณ ครึ่งชั่วโมง เขาบอกว่า 10 กม.ได้ และเดินเท้าต่ออีกน่าจะไม่เกิน 3 กม.ถึงน้ำตก(ทางเดินง่าย)
- ออกมาแล้วกลับ กทม. เหนื่อยจริงจัง
กล้อง
Canon R7+ RF18-150, Gopro Hero4
ไปเที่ยวกับ หน.เผ่า https://www.facebook.com/manus.minaung
-
โชคดีของเราที่ลมหนาวยังไม่หายไป ยังอยู่ในภาวะลานีญา (https://www.bbc.com/thai/articles/cp9gj9xvkrzo) หนาวจิงจัง ยิ่งอายุเยอะยิ่งหนาวง่าย ชีวิตเริ่มยุ่งยากมากขึ้นเรื่อยๆ เฮ้ออออ
-
จะเห็นว่าน้ำไม่ขุ่น เขียวใสน่าเล่นมากครับ ;D ;D
-
มาดูแผนที่สรุปที่เที่ยวเราก่อน เส้นทางล่องเรือตามแม่น้ำเมย คือเส้นประสีแดงนะครับ ไปกลับเกือบๆ 100 กม. ไม่คิดว่าจะไกลขนาดนี้ การล่องเรือเราจะผ่าน
-สบยวม(จุดบรรจบแม่น้ำยวมกับแม่น้ำเมย)
-สบเมย(จุดบรรจบแม่น้ำสาละวินกับแม่น้ำเมย) จุดนี้สามารถมองเห็นกลอเซโล ได้ครับ
แม่น้ำเมย...
เป็น1ในแม่น้ำไม่กี่สายของไทยที่ไหลจากใต้ขึ้นไปทางเหนือ
ด้วยระยะทางตลอดสายน้ำเมยกว่า 300 ก.ม. เป็นพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างไทยกับพม่า
เป็นแม่น้ำที่ยังไม่มีเขื่อน น้ำจึงขึ้นลงตามธรรมชาติ ช่วงหน้าแล้ง น้ำจะใสมากเหมือนกระจก
ชุมชนคนพื้นเมืองริมน้ำเมยมากกว่า 80 % เป็นคนกะเหรี่ยงปะกาเกอญอทั้ง2ฟากฝั่งที่พูดเหมือนกัน แม้จะคนละสัญชาติก็ตาม
เป็น1ในแม่น้ำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติมาก ถึงแม้จะมีการขยายตัวของเมืองเพิ่มขึ้นก็ตาม ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสถานการณ์ความไม่สงบภายในรัฐกะเหรี่ยง
สายพันธุ์สัตว์น้ำในแม่น้ำเมยเหมือนกับแม่น้ำสาละวิน ต่างจากสายพันธุ์สัตว์น้ำส่วนอื่นๆของประเทศไทย(ก๊อบเขามาอีกที)
-
ได้เวลาเราก็ลงเรือกัน อากาศดีหม๊ากกกก เวลาเช้าเริ่มกิจกรรมต่างๆ ก็เริ่มเช่นกัน
-
การสัญจรเดินทางข้ามฝั่ง ก็เริ่มขึ้น
-
แสงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นกำบัง ก็สาดแสงมายังริมน้ำ ดูมีความหวัง ดูมีความสุข ดูมีชีวิตชีวา
-
หนุ่มน้อยกะเหรี่ยง เร่งเครื่องอย่างชำนาญล่องแม่น้ำเมยตั้งแต่เช้าตรู่ จากท่าเรือแม่ตะวอ จนถึงสบเมย(แม่น้ำสาละวินเชื่อมกับแม่น้ำเมย) ระยะทางไปกลับเกือบร้อยกิโล
ความร้อนกระทบกับความเย็นบนพื้นน้ำทำให้มีไอหมอกเคลือบเหนือผิวน้ำลอยขึ้นทำให้จินตนาการถึงรูปร่างต่างๆ นาๆ ลมเย็นมากๆ ปะทะหน้าหนาๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ 5555
-
ดูจริงจัง ชำนาญ ใส่ใจการให้บริการ
-
สองข้างทางมีหมอก สลับกับแสงอาทิตย์สะท้อนก้อนเมฆ สวยงาม
-
ซ้ายอีกประเทศ ขวาก็อีกประเทศ
-
สายแล้ว แต่ก็ยังเย็นอยู่ แล้วเราก็มาถึงจุดพักจุดแรกเรียกว่า "สบยวม" เป็นจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำเมย กับแม่น้ำยวม ต้องมีการ Check in ที่ฝั่งรัฐกะเหรี่ยงด้วย
-
มีเรือจอดมากมาย จนเกิดคำถามแล้วเราจะรู้ได้ไงว่า เป็นเรือของใคร กะเหรี่ยง หรือ ไทย ??? ???
-
สอบถามจากทหาร เขาจะมีสมุดจด มีเบอร์เรือกำกับ ใครผ่านจะจดเบอร์เรือไว้ แต่ก็ยัง งงๆ อยู่เหมือนกัน ??? ???
-
ป้อมฝั่งไทย
-
อยากให้มีการจัดการขยะ
-
น้ำลดแล้วปลูกผักได้ ที่เห็นในภาพคือ ต้นหอม
-
ไปกันต่อ สายแล้วแดดออก บางส่วนของแม่น้ำจะเห็นก้อนหินกลมกองเรียงเหมือนเป็นหาด คงจะเห็นเฉพาะตอนน้ำลด
-
อีกนิดเดียวเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง "สบเมย" จุดบรรจบระหว่างแม่น้ำเมย กับแม่น้ำสาละวิน ณ จุดนี้สามารถมองเห็นกลอโซโลด้วยนะครับ
-
จุดบรรจบนี้เกิดทรายละเอียดมารวมตัวกันมาก ชาวบ้านก็มาเอาทรายแม่น้ำไปก่อสร้าง
-
กองทรายจำนวนมาก
-
จุดนี้จะเป็นจุดคนที่ไปเที่ยวกลอเซโลแวะมาเที่ยวกัน มีสำนักสงฆ์บ้านสบเมย
-
จุดรวมแม่น้ำ จะสังเกตุเห็นว่าน้ำคนละสีเลย แม่น้ำสาละวินเป็นน้ำที่ละลายจากหิมะ มาจากทางเหนือโน้นนน
-
การทับถมของตะกอนทราย
-
หาดทรายมีรูปร่างต่างๆ น่าสนใจ
-
เที่ยงแล้วหิว เราขึ้นฝั่งไปที่สำนักสงฆ์บ้านสบเมย กินข้าวก่อนเดินทางต่อไป
-
นั่งเรือกลับยาวๆ เราผ่านน้ำตกนอต๊ะด้วยครับ แต่ตอนนี้น้ำน้อย ไม่เหมือนตอนที่มาครั้งแรก
-
ยาวไปๆ จนมาถึงท่าเรือแม่ตะวอ จุดเริ่มต้นเมื่อเช้า ทำไมช่างแตกต่างกับภาพที่เห็นเมื่อเช้า 5555 เราไปกันต่อที่ถ้ำแม่อุสุ นั่งรถประมาณ 1 ชม. มาถึงก็ 16.00 น. แล้ว
-
ความเป็นมา
ถ้ำแม่อุสุ ถูกค้นพบก่อนปี พ.ศ. 2530 ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ค้นพบคนแรก ชาวปะกะญอเรียกถ้ำแม่อุสุว่า "ปีหนึปู่" แปลว่า น้ำไหลเข้าไปในถ้ำ มีเรื่องเล่าสืบทอดกันว่า เมื่อถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หรือวันพระจันทร์เต็มดวง ชาวบ้านจะได้ยินเสียงดนตรีดังสนั่นหวั่นไหวในถ้ำ เหมือนกับว่ามีงานเทศกาล
บ้างก็เล่าว่า แต่ก่อนชาวบ้านทีโน๊ะโค๊ะยากจน ไม่มีอันจะกินเวลามีงานบุญหรืองานเทศกาลต่างๆ ชาวบ้านก็จจะไปนั่งอธิษฐานขอสิ่งที่ตนต้องการ จากนั้นก็จะมีของมาวางไว้ตรงหน้า แต่เมื่อใช้เสร็จก็ต้องเอาไปคืน
บ้างก็เล่าว่าในถ้ำมีเสือสมิงอาศัยอยู่ครั้งหนึ่งได้กินชาวบ้านไปคนหนึ่ง พอตกค่ำแฟนสาวก็รู้ว่าแฟนตนเองถูกเสือกินตายก็ไปนั่งร้องให้อยู่ตรงหน้าถ้ำทั้งวันทั้งคืน ไม่ยอมกินข้าวกินปลาจนเสือแปลงกายปรากฏตัวออกมาขอโทษ และขอรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไว้ และจะเลี้ยงดูตลอดชีวิต
ปัจจุบันถ้ำแม่อุสุอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่เมยตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 116 ตอนที่ 40 ก
ที่มา : ป้ายหน้าถ้ำ
-
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยว
ตั้งแต่ 13.00 น.-16.00 น. จะมีแสงตะวันสาดส่องเข้ามาเป็นลำแสงทำให้บริเวณพื้นถ้ำและผังถ้ำเป็นสีเหลือดุจดังทองสวยงามมาก...ว่าซั่น
-
้ถ้ำแม่อุสุ เป็นถ้ำหินปูนขนาดกว้างใหญ๋ มีลำน้ำแม่อุสุไหลเข้าไปในปากถ้ำ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แล้วไหลเวียนไปออกด้านหลังถ้ำ ลงไปสู่แม่น้ำเมย ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้มีระยะทางโยประมาณ 450 ม. ปากถ้ำกว้างประมาณ 20 เมตร สูงประมาณ 6 เมตร ภายในของถ้ำมีคูหาใหญ่ๆ อยู่ 3 คูหา
-
หินที่บอกว่าเหมือนหน้าผู้หญิง
-
ปากทางเข้าไม่ใหญ่มาก
-
ไปๆๆ ไปหาที่พักกันดีกว่า เรามาพักกันที่ริมแม่น้ำเมย ตำแหน่ง 17°17'22.0"N 98°08'52.1"E
-
ดูจากแผนที่
-
พื้นทรายนุ่ม นอนสบายเลย เราเตรียมอาหารมาแบ่งกันกิน ใส้กรอกอีสาน หม่ำ ผัดหมี่โคราช หมูสวรรค์ ฯลฯ
-
วันนี้พระจันทร์เต็มดวง ทำให้ถ่ายภาพเห็นรายละเอียดได้ดี
-
ใกล้สว่าง มันสวยจริงๆ นะ
-
ผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์รวมตัวกันไปแคมป์ริมแม่น้ำเมย ฝั่งตรงข้ามเป็นรัฐกะเหรี่ยง มีทหารสะพายปืนเวรยามตลอดเวลา แต่ดูเหมือนก็ไม่ได้สนใจชาวชาติพันธุ์ที่กำลังกางเต๊นท์สาละวันกับการทำกิน
เราป่วยนิดหน่อย แต่ก็ตัดสินใจไป ถ้าไม่ไปคงเสียดายแย่
ผมได้อาบน้ำในแม่น้ำเมยน้ำเย็นมากๆ 2 ตักอาบพอ อากาศไม่เกิน 10 องศา
วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวงวันพระใหญ่ เราได้ตั้งกล้องตลอดทั้งคืน แสงจันทร์ทำให้กล้องเราถ่ายได้สว่างดีเลย เห็นรายละเอียดชัดเจน โชคดีไม่มีรายละเอียดแปลกปลอม
อีกอย่างทำให้เรารู้ว่า ช่องทางธรรมชาติเป็นแบบนี้นี่เอง ;D ;D ;D
-
ชอบมากครับบรรยากาศแบบนี้ หนาวววว
-
ดาวเต็มท้องฟ้า
-
เราได้ตั้งกล้องไว้ทั้งคืน แสงจันทร์สว่างไหม
-
ยังมีจุดชมวิวอีกจุดนะครับ เดินไปนิดเดียว
-
เป็นสายแม่น้ำเมยขนาดใหญ่ เหมือนเคยมาแล้ว ทำไมจำไม่ได้ ??? ???
-
ก้อนหินกลมเรียงเป็นผืนขนาดใหญ่
-
อีกภาพ อีกมุม
-
เช้าเราก็ไปชมทะเลหมอกที่วัดพระธาตุรัตนเจดีย์ถ้ำแม่อุสุ เดินขึ้นบันไดประมาณ 10 นาที
-
เห็นภูเขาสลับสับซ้อนกัน สวยนะ
-
ถ่ายรูปสนุกเลย
-
เอาเลนส์ซูมไปด้วยนะ
-
เจดีย์ต้องแสงแดดอร่ามมาก
-
จากนั้นเราได้ข้ามไปฝั่งรัฐกะเหรี่ยง ไปเที่ยวน้ำตก น้ำตกตาอึเคคี (Ta U Kay Khee Waterfall တၤအုးခ့ခံထံလီၤဆူ) แปลว่าตูดลิง
ตำแหน่ง 17.215035151808433, 98.14052549325281
-
เหมารถทหารกะเหรี่ยง และให้นำทางให้ด้วย นั่งรถประมาณ 30 นาที เดินอีก ไม่เกิน 3 กม. ทางราบ
-
ถึงแล้วน้ำตก
-
เราเจ็บขา ก็เลยถ่ายแถวนี้ล่ะกัน ไม่ได้ปีนไปกับเพื่อนๆ
-
น้ำเย็นมากๆ เดินลุยแป๊บเดียวตะคริวจะขึ้น ไม่รู้เล่นกันได้ยังไง
-
หนำใจเราก็กลับออกมา อาบน้ำกลับ กทม ดีกว่า เจอกันทริปหน้าครับ
ขอบคุณที่ติดตาม