Hiking Thai
Hiking Thai => เที่ยวนอกบ้าน...นอกเมืองไทย => Topic started by: designbydx on มีนาคม 19, 2019, 07:01:58 pm
-
เมาะเลาะอิ(Mulayit Taung, Myanmar) ขุนเขาแห่งความศรัทธา ของประเทศพม่า อยู่ไม่ไกลจากชายแดนไทย(40 กม.) ข้ามประเทศที่จังหวัดตาก เดินทางด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ
กล้อง Fuji xe3+18-135 mm and samyang 12 mm
ขอบคุณ แบบในเครือ
เขาบอกว่า(อ่านในเนต) "รัฐมอญ" มีพระเกศาธาตุ(ชาวมอญเรียกว่า "ธาตุศก") จำนวน 15 แห่ง ในจำนวนนั้น "ฤาษีกัปปะ" ได้นำพระเกศาธาตุไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์ เมาะเลาะอิ 1 เส้น และ "ฤาษีนารทะ" อัญเชิญพระเกศาธาตุ 1 เส้นไปบรรจุไว้ที่ เมาะเลาะอะเจดีย์ บนภูเขาชื่อ "อะไรนะเทนโปดอพญา" เมื่อปี พ.ศ. 114 คำจารึกที่ฐานพระเจดีย์ ทราบว่า "พระเจดีย์เมาะเลาะอิ" ยกฉัตรเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1154(พ.ศ. 1697) มีรูปปั้นเทวดาทั้งสี่ยืนอยู่ที่เสาหงส์ (www.tamroiphrabuddhabat.com)
-
ชื่อแปลก ไม่คุ้ยเคยกับสำเนียงเท่าไร ทำให้ดูน่าสนใจค้นหา จึงตัดสินใจไปเยือนเนื่องจากรถถึง เดินอีกนิดหน่อย พออยู่ในวิสัยที่จะไปเยือนได้
-
ในเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ มีข้อกำหนดที่เคร่งครัด เช่น ห้ามกินเนื้อสัตว์ ห้ามแต่งกายไม่เหมาะสม ห้ามพูดจาไม่ดี ห้ามลักขโมย ห้ามยุ่งกับพระสงฆ์ เมื่อดูแล้วเป็นหลักการทำความดีของศาสนาพุทธ กฏของศิล 5
-
การเดินทางขึ้นด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ใช้เวลานานถึง 3 ชม. ก่อนขึ้นไปยังพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็มีจุดให้ชำระร่างกายให้สะอาด สำรวจตัวเองให้เหมาะสมก่อนที่จะเข้าไป นอกจากนี้ยังมีการเดินเท้าขึ้นมาสักการะใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ความศรัทธาเท่านั้นที่จะสามารถขับเคลื่อนร่างกายให้มาถึงจุดหมายปลายทางได้ ไม่ว่าจะวัยใดๆ ก็เดินทางมา
-
กลุ่มเราเดินทางมาวันเสาร์ ถึงจุดหมายประมาณ 12.30 น. อากาศร้อนมาก แถมมีฝุ่น PM2.5 รอต้อนรับอยู่เต็มท้องฟ้า แต่จุดหมายปลายทางที่พักต้องเดินเท้าไปอีกประมาณ 1 กม. เป็นที่โล่ง จุดประสงค์ของเราอาจแตกต่างของชาวพม่า เรามาเที่ยวชมสัมผัสความศรัทธา แต่ชาวพม่ามาเพื่อสักการะ
-
เท่าที่สักเกตุดูเจดีย์มักจะสร้างอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ ก้อนเล็กต่างกันไป แต่ยังไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม
-
ลานกางเต๊นท์ เป็นที่โล่ง มีพื้นเป็นก้อนหิน อากาศร้อนมาก แต่หากอยู่ในร่ม ก็จะรู้สึกเย็นทันที วันนี้นักท่องเที่ยวไทยหนาแน่นพอควร แต่สิ่งที่พบในที่นี้ก็คือ ขยะ ยังมีการทิ้งเกลื่อน
-
โรงทานมังสวิรัติ ก็มีให้เติมกระเพาะตลอดเวลา ถึงเวลาที่จะต้องลองบ้าง
-
ยังไม่คุ้นชินกับอาหาร กับวิธีการกินสักเท่าไร กับข้าวอันไหนพร่องก็จะมี ผู้ใจบุญคอยบริการ แถมยิ้มให้เชิญชวนให้กินเยอะๆ
-
วันนี้คนมาเยอะ จนที่นอนเน่นเต็มทุกพื้นที่ จนน้ำในห้องน้ำไม่มีให้ใช้ กับข้าวจึงต้องเตรียมให้เพียงพอกับผู้มาเยือน
อาคารที่เห็นเต็มไปด้วยผู้มาศักการะ นอนค้างกัน
-
พอเริ่มเย็นๆ เราก็จะขึ้นไปสักการะเช่นกัน แต่ก็สังเกตุเห็นไม้ที่เขานำมาด้วย เป็นไม้ไผ่ สูงเหนือศรีษะ และมีใบไผ่เสียบอยู่ตรงปลาย(วางพิงกำแพง) สงสัยเหมือนกันว่ามันคืออะไร
สอบถามได้ความว่า เป็นไม้ที่นำขึ้นมาเพื่อบูชามีความสูงเหนือศรีษะ มีความเชื่อว่า หากนำกลับไปบ้านแล้วไม้หดลง แสดงว่าหมดบุญ และใบไผ่ไว้สำหรับต้มกิน ถ้าหากเจ็บป่วย
-
ดูเหมือนสูง แต่เดินขึ้นใช้เวลาไม่มากนัก
-
มาถึงจุดที่ต้องถอดรองเท้าเดินขึ้นไป มีทั้งเดินสวนลงมา และกำลังจะเดินขึ้นไป
-
สักพักก็มาถึงในส่วนที่สูงสุดที่ ผู้หญิงจะขึ้นมาได้
-
วันนี้ฟ้าหม่นไม่เป็นใจเอาสะเลย
-
สักพักก็มาถึงจุดสูงสุดที่ผู้ชายมาได้ ต่างคนก็มีกิจกรรมของตนเอง ตามที่ตั้งใจไว้
-
จุดสูงสุดจะมีวิวแบบนี้ (พระอาทิตย์ตก)
-
แบบนี้ การเดินบนดินโดยปราศจากรองเท้า
-
แบบนี้
-
ถึงแม้ฟ้าจะหม่นไปบ้าง แต่โชคดีที่ลมสงบ มีเพียงลมเบาๆ พัดผ่านให้เย็นสบาย ไม่ถึงกับหนาว มืดลงไปแล้ว ต้องรีบกลับไปยังที่พัก อีกอย่างก็หิวด้วย
-
แต่ถึงแม้จะเย็น มืดค่ำแค่ไหน ก็ยังมีการเดินขึ้นไปสักการะตลอด เพราะจะมีเสียงการเคาะฆ้องดังสนั่นได้ยินบางๆ ทั้งคืน
-
การเตรียมเลนส์มาเพื่อถ่ายทางช้างเผือก ก็ต้องเก็บไว้เช่นเดิม ทุกอย่างเต็มไปด้วยหมอกสีหม่นๆ
-
รอให้ฟ้าสว่างอีกหน่อยคงดี น่าจะเห็นอะไรที่ไกลออกไป
-
ตัวเราเล็กเหลือเกิน ในโลกใบนี้ ดังนั้นจงเลิกคิดจะครองโลกซะ
-
ฟ้าสว่าง เหล่านักท่องเที่ยวก็ออกมาเก็บภาพ เอาไว้อวดเพื่อน กับเก็บไว้ดู ในยามที่นึกไม่ออกว่าเราไปเห็นอะไรมาบ้าง
-
พระอาทิตย์เวียนกลับมาเราอีกครั้งหลังจากที่หายไปเมื่อวานตอนเย็น เรารู้สึกยินดีที่ได้เจออีกครั้ง และก็รู้สึกยินดีทุกครั้งที่ได้เจอ
-
มีได้ ก็มีเสียเนอะ จะให้ได้ดังใจทุกอย่างคงไม่มี
-
ขุนเขาแห่งความศรัทธา อยู่เบื้องหลัง เบื้องหน้าก็คงต้องเดินต่อไป
ขอบคุณครับที่ติดตาม
-
แผนที่เดินรถจากด่าน ไปจนถึงปลายทางประมาณ 40 กม.