Hiking Thai
Hiking Thai => เที่ยวเมืองไทย..ยังไม่ไปก็รู้ => Topic started by: designbydx on สิงหาคม 28, 2017, 05:05:23 pm
-
ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์(ครั้งที่ 2)
ครั้งแรกไป 2 วัน 1 คืน ผมว่านอนสองคืนกำลังพอดีนะ
ลิงค์ที่ไปครั้งแรก http://hikingthai.com/webboard/index.php?topic=2457.0
สิ่งที่จะแนะนำ
1.อย่าใส่กางเกงขาสั้นเดินนะ บนยอดแมลงกัดแล้วคันๆ เยอะมาก
2.เตรียมเสืิ้อแขนยาวพอกันหนาวได้ใส่เป้ไว้บนยอดจะหนาว กับเสื้อฝน เพราะกว่าลูกหาบจะเอาของมาให้เราก็รอนานนะ แล้วมันจะหนาว และฝนก็ตกๆ หยุดๆ
3.เลือกผูกเปลก็ได้นะ แต่มีน้อย กางเต๊น ต้องระวังเรื่องน้ำซึมเข้าเต้น ควรมีกราวชีทไปด้วย
4.เอาโฟมที่รองนอนที่เป็นเสื่อน่ะไปด้วย รองนอนแล้วอุ่นสบาย
5.ค่าลูกหาบ กก.ละ 35 บาท
6.เลนส์กล้องผมว่า 18-55 กำลังถ่ายวิวสวยกว่า ถ้าใช้วายกว้างเกินไป มันมีพื้นที่ให้ถอยได้เยอะไม่ต้องกล้ว แต่ถ้าจะถ่ายน้ำตกก็ต้องเอาวายไปด้วยนะ 18-55 จะแน่นไป
7.ข้างบนลมแรงจะมาโครก็ลำบากนะ แต่ใครที่ชอบมีมุมให้ถ่ายเยอะเลยนะ
8. มีเต๊นให้เช่า คืนละ 500-700 บาทนะ แล้วแต่ออฟชั่น ถุงนอน แผ่นรองนอน เตาแก๊ส เตาถ่าน ถังน้ำ ไรงี้
9. ถ้าอยากถ่ายตอนไม่ค่อยมีหมอกให้ถ่ายตอนเช้าก่อน 10 โมง เพราะแดดยังไม่เผาน้ำค้างให้ละเหย
10. ดอกหงอนนาคจะบานประมาณ 10.00 น.เป็นต้นไป
11. อาหารหากไม่อยากทำเอง ก็สั่งร้านข้างล่างให้มาส่งได้(เขาจะฝากลูกหาบมาให้ แต่ไม่ทราบราคานะ)
-
ขนกล้องไปเยอะเลย แต่ไม่ได้เอามาถ่ายสักเท่าไหร่ ฝนตกกกก เมื่อฝากของให้ลูกหาบเสร็จก็ออกเดินเลย
-
ระยะทาง 6.5 กม. ผมใช้เวลาประมาณ 3.5 ชม. ก็เดินเรื่อยๆ นะ ถ้าพื้นลื่นคงใช้เวลานานกว่านี้
-
ป่าเขียวสดชื่นดีนะ
-
เราจะผ่าน 3 เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่ ต้นไทร ต้นตะแบกแดง และต้นลำพูป่า เป็นผู้ร่วมบุกเบิกป่า เมื่อก่อนเป็นพื้นที่โล่ง และปัจจุบันยังคงอยู่ให้ร่มเงากับชีวิตอื่นๆ ยังคงความอุดมสมบูรณ์มาให้ป่าแห่งนี้ เราขอยกย่องท่านทั้งสามนี้ คือ สามเฒ่าผุ้ยิ่งใหญ่ จากผืนป่าที่เขาได้บุกเบิกมา และหวังว่าสามผู้เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่จะอยู่คู่ป่าตลอดไป (ข้อความจากป่า)
-
ต้นนี้น่าจะตะแบกแดง ตรงเด๊ะ
-
ต้นไม้สูงใหญ่ไปแผ่กิ่งก้านรวมตัวกัน ให้เราได้เดินใต้ร่มเงา ไม่ร้อน ขอบคุณครับ
-
ฝนตกหนักทำให้เกิดดินไสด์ น่ากลัวเหมือนกันนะ มีหลายจุดเลย
-
ดีที่ยังไม่กั้นทางน้ำ
-
เดินมาพอเหงื่อออกซึม ก็เริ่มต้นด้วย เนินส่งญาติ แต่ดีเนินนี้ มีบันไดเหล็กให้เดินไม่ยาก ถ้าไม่มีบันไดนี่ไม่รู้จะขึ้นยังไงเลยนะ
-
ต่อไปก็จะเจอเนินปราบเซียน อันนี้ยาวววว เหนื่อยเลย
-
พี่เขาไม่ธรรมดา สอบถามดูแบกกัน 25-30 โลกัน เดินเร็วกว่าเราอีก ขนาดเดินตัวเปล่านะเนี่ย :o :o
-
เนินต่อไปเนินป่าก่อ "ราชาแน่งป่าดิบเขา"
บริเวณรอบๆ จะเต็มไปด้วยต้นก่อ หรือต้นโอ๊ก(ในภาษาต่างประเทศ) มีสัตว์มากมายใช้ต้นก่อเป็นอาหาร เช่น นก หนู กระรอก แม้แต่มนุษย์เองก็กินลูกก่อบางชนิดด้วย ด้วยเหตุนี้จึงยกต้นก่อให้เป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ให้ความเอื้ออาทร(เขากล่าวไว้ในป่า)
-
น่าจะกลุ่มนี้นะ
-
หลังจากฝน ก็มีแสงให้เราได้อบอุ่นสลับกันไป
-
จากเนินนี้ไปเนิน เสือโคร่ง ทางค่อนข้างราบๆ พอได้พักขาบ้าง
"อณาจักรสมุนไพร"
บริเวณนี้มีต้อง กำลังเสือโคร่ง หรือ ต้นกำลังพญาเสือโคร่ง ขึ้นหนาแน่น จึงเป็นที่มาของชื่อเนิน (เหม่ ตอนแรกนึกว่ามีเสือ) เปลือกของต้น มีกลิ่นคล้ายการบูร ชาวบ้านมักนำไปต้มกินเป็นยาสมุนไพร บำรุงกำลัง ทำให้เจริญอาหาร ขับลมใน ลำใส้ บำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง และแก้ปวดเมื่อยตามร่างกายด้วย เปลือกมักจะโดนถากไปจนตัดท่อน้ำเลี้ยงทำให้มันยืนต้นตาย อืม ก็เอาบางส่วนไม่ได้เหรอ จะต้องถากรอบต้นเลยเหรอเนี่ย
-
พอมีหมอกสวยๆ ก็อดที่จะถ่ายไม่ได้
ขอบคุณแบบในเครือ
-
เนินสุดท้ายเนินมรณะ อืมชื่อน่ากลัวจริง แต่ก็ชันนะ แค่นี้เองผ่านมาแล้วตั้งเยอะ กลัวอะไร >:( >:(
-
ก่อนถึงลานสน ระหว่างทางก็จะเห็นวิวเปิดขึ้นเรื่อยๆ อย่าลืมหันหลังกลับไปดูด้วยนะ เท่ห์ป่าวล่ะ
-
หมอกจะเริ่มแน่นๆ ขึ้น
-
เขาบอกว่าชื่อ ลินลี่ป่า
-
และแล้วก็มาถึงลานสนภูสอยดาวววว
-
ใช้เวลาไปสมควรเลยนะเรา
-
ป้ายบอกว่า ถึงแล้วนะแก
-
จากนี้ก็เอากล้องออกมาเลยนะครับ วิวมันเปลี่ยนตลอดเวลาเพราะหมอกนะ จะทำให้ดูเหมือนภาพมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
-
เดี๋ยวหมอกก็มา
-
เขาบอกว่าดอกหงอนนาคเยอะปีนี้ แต่ไม่รู้นะว่าเยอะจริงไหม เพราะปีที่แล้วไม่ได้มา
-
น้องที่เดินในภาพ มาคนเดียว เก่งมากๆ ครับ
-
มาถึงลานกางเต๊นแล้ว ไปดูอุณหภูมิต่ำสุด แม่เจ้า 10 นิดๆ
-
ระหว่างรอของจากลูกหาบก็เก็บภาพ
-
มันมีดอกสีขาวด้วยนะ แต่ไม่ได้ถ่าย มันมีนิดๆ หน่อยๆ เอง
-
ฝนเริ่มตก เริ่มหนาว เสื้อหนาวก็ไม่ได้ติดไว้ในกระเป๋า เลยต้องไปอาศัยผิงไฟในที่ทำการ
-
จากนั้นก็ตกๆ หยุดๆ ให้ลำใยมาก เพราะถ่ายรูปไม่ได้ เซ็ง >:( >:( นั่งรอจนหนาววว
และแล้วของก็มาบางส่วน ทำอะไรได้ก็ทำไปก่อนละกัน ล้างผัก หั่นผัก
-
เอ้า ฝนก็เทลงมาสิ
-
สรุปเย็นวันนี้ไม่ได้เก็บภาพอะไร ทำกับข้าวกิน นอน แยก รูปที่เห็นด้านล่างคือเต๊นเช่านะครับ ของอุทยาน
-
ฝนตกหยุด ไม่หนักมาก ตื่นเช้ามาทุกอย่างโล่งไม่มีฝนรีบออกไปถ่ายรูปดีกว่า เดินไปทางจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น (ฟ้าปิดนะวันนี้) ยอดภูสอยดาว 2102 ม. ขึ้นได้นะแต่ต้องมี จนท. นำทาง เห็นว่าใช้เวลา 5 ชม. แม่เจ้า ขาสั่น เขาบอกว่าสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ
-
พิชิต ภูเดียวเที่ยวสองประเทศ
หลักเขตแบ่งประเทศ ไปอึ ฝั่งลาวมาด้วย ไม่อยากจะคุย
-
โล่งไปม่ะ ดูเหมือนไม่มีอะไรเลยเนอะ ว่าไหม
-
พอเริ่มสายๆ หมอกเริ่มมาครับ
-
ดอกหงอนนาครอบนี้หน้าที่ทำการนะ แน่นสุด ไปต้องไปถ่ายไหนไกลเลย
-
อีกภาพ จัดองค์ประกอบภาพอยากอ่ะ
-
หิวแระ เดินกลับไปที่พักก่อน ทุกคนกินกันเสร็จแล้ว เราก็กินๆๆ แต่ต้องทำอะไรสักอย่างเพราะเพื่อนก็ยังไม่ได้เดินเที่ยว
เอ๊า ผมหุงเข้าให้ล่ะกัน 5555 เผื่อเที่ยง กับเย็นเลยนะ
โอเค....
ไม่อยากจะบอกว่า ทำข้าวดิบ ตักทิ้งไปชามใหญ่ๆ นึง และต้มที่เหลือใหม่ น้ำกินหมดไปสองขวด ปรากฏว่าได้ข้าแฉะมาแทน 5555
-
หุงข้าวเสร็จ ไปทำงานต่อ ไปถ่ายน้ำตกดีกว่า ชื่อว่าน้ำตก ธารทิพย์ มั๊ง อยู่ใกล้ๆที่พักนั่นล่ะ แต่ชันน่าดู น้ำตกมีหลายชั้นมาดูแต่ละชั้นกันเลยดีกว่า
-
ชั้นถัดไป
-
ชั้นถัดไป
-
ชั้นถัดไป
-
มองตามน้ำไหลออกไป แต่เดินต่อไม่ได้แล้ว สดชื่นจริงๆ
-
ภาระกิจสำเร็จ ขึ้นมาพร้อมกับตุ่ม กับความคัน เพราะใส่กางเกงสามส่วนลงไป คันทั้งแขนขาเลย บ่ายสองแล้ว นักท่องเที่ยวชุดถัดไปกำลังมา และแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือ
-
ไรอ่ะ มาจากไหนกันอ่ะ
-
พื้นที่เคยเงียบสงบ ก็กลายเป็นชุมชนย่อมๆ ฝนก็มาตามนัดอีก เริ่มตกมาอีกแระ ไม่มีไรทำก็กินๆ เย็นฝนหยุดเว้ย รีบเดินไปจุดชมพระอาทิตย์ตก ว้าววว ฟ้าเปิด
-
ทุกคนตั้งกล้องรอถ่ายพระอาทิตย์ แต่แล้วก็ผิดหวัง เห็นแค่นี้ล่ะ
-
แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่าคือ ยอด 2102 ม.นะ เผยโฉมให้เห็นลางๆ ตื่นเต้นๆ ทำไมมันใหญ่กว่าลูกเมื่อเช้าหว่า
-
ซูมดู แม่เจ้าาาา อลังกานนะมุมนี้
-
ป่าสนเขา (สนสามใบ) เขาบอกว่า จะขึ้นได้ดีในที่หนาวเย็น และดินเป็นกรดจัด ซากใบสนที่ทับถมอยู่ย่อยสลายค่อนข้างยาก และความมักง่ายของคนทำให้เกิดไฟใหม้ประจำจนลูกไม้ ไม่สามารถเกิดขึ้นใหม่ได้ จึงมีโอกาศที่จะทำให้ป่าสนสูญพันธุ์ได้
จริงก็น่าจะเพาะ แล้วนำไปปลูกก็ได้นะ ว่าไหม
-
ดอกกล้วไม้ก็พอมีให้เห็น จริงๆ น่าจะมีเยอะแต่ไม่รู้จักเอง
-
โชคดีฟ้าเปิดนิดหน่อยพอได้เห็นช้างด้วย ลากันไปด้วยภาพนี้ ขอบคุณครับที่ตามอ่านจนจบ
-
ลืมบอกไป ลิ้นมังกรส้มยังขึ้นอยู่ที่เดิมนะ ก้อนหินก้อนเดิม