Hiking Thai
Hiking Thai => เที่ยวนอกบ้าน...นอกเมืองไทย => Topic started by: designbydx on สิงหาคม 23, 2012, 08:29:54 pm
-
การเดินทางไปแชงกรีรา จีน... จะบอกว่า
- ต้องพูดภาษาจีนได้พอเข้าใจได้ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะจีนไม่สนใจว่าเราจะพูดภาษาอะไร เขาจะพูดจีนอย่างเดียว และไม่ยอมจะใช้ภาษามือ และกายช่วยเลย
- ต้องเตรียนมร่างกายให้พร้อมเพราะว่าจะเจอสภาพอากาศเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว
- ใช้อุปกรณ์ให้กระชับ ป้องกันโดนขโมย
- เตรียมเงินให้เหลือพอ เพราะไปรอบนี้ค่าใช้จ่ายต่างจากปีที่แล้วมากกกก
- ควรมีดิก ภาษาจีน หรือ ทอร์กกิ้งดิก ก็ได้
- และควรทำการบ้านมาเยอะๆ ว่าจะทำอะไรบ้าง ถ้าจะหาข้างหน้ารับรองว่าไม่ได้แน่ๆ
- เทคนิคที่ได้อีกอย่างคือ เวลาเราพักที่โรงแรม แนะนำให้เขาเขียนภาษาจีนให้เราลงในกระดาษแล้วเอาไปให้คนขับรถ หรือสอบถาม จะง่ายมาก
- ไม่ควรไปคนเดียว ควรไปเป็นกลุ่มและต้องมีอย่างน้อย 1 คน พูดจีนได้
- หากไปกันเองอย่าลืมทำประกันชีวิตด้วยนะ
- เตรียมยาประจำตัวให้พร้อม
- กรุณาเหลือพื้นที่ในกระเป๋าเพื่อซึ้อของฝากด้วย ของฝากถูกเยอะ และน่าซื้อมากยกเว้น เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ ของกอป เยอะเกิ๊น
- ถ้าเพื่อนจะไป เดี๋ยวผมพาไปเอง แต่ต้องช่วยกันจำประโยคภาษาจีนนะ และขอส้วนลดให้ด้วยน๊าาา คริ คริ
- ถ้ามีเงินมากพอ แนะนำให้ไป-กลับ เครื่องนะครับ จะลดเวลาได้เยอะมากกก
- ที่จีนโค้งจะเยอะมาก หากใครเมารถง่าย คลายกังวลได้ เพราะผมเองก็เมาง่ายมากแต่... รถเมล์เขาจำกัดความเร็วที่ 80 กม./ชม. ด้วยความเร็วที่ช้า ถึงจะโค้งเยอะ ก็ทำให้อัตราการเมาช้าลง เราก็อัดยาซะ ก็สบาย แล้ว ทริปนี้ผมแค่เกือบเมาเองนะ โค้ง แม่เจ้า... เป็นหมื่นโค้งละมั๊ง
- เสื้อหนาวตัวหนาๆ ใครไม่มีไม่ต้องกังวล ผมสังเกตุเห็นว่าทุกที่มีให้เช่า แม้กระทั่งที่เราพักตามเกสเฮาส์ หรือที่ท่องเที่ยวที่อากาศหนาว
- รองเท้าไม่ต้องใช้แบบลุยหิมะให้นะ เอาแบบพอประมาณ เพราะว่าเราลุยหิมะ แป๊บบบบ เดียวเอง
- อย่ามือเตรียนมอาหาร เครื่องปรุงที่เราชอบไปด้วยนะ เพราะที่โน้นเขาหนาว เขาจะกิน แป้ง ไขมัน และผักเป็นหลัก และจะเน้นไขมันมากกก กินแล้วปวดหัว
การที่ได้อ่านเรื่องราว หรือตำนานก่อนไปเที่ยวจะทำให้สนุกมากนะครับ ผมได้เจอหนังสือ ทิเบตที่เป็นไป วีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง แต่ง แต่มาอ่านตอนกลับมาแล้ว รู้สึกว่าอยากกลับไปค้นหาเรื่องราวตามตำนานอีก ใครจะไปบ้างงงง
เส้นทางสู่แชงกรีลา ประเทศจีน... "แชงกรีลา" มีต้นกำเนิดมาจากนวนิยายของ เจมส์ ฮิลตัน เรื่อง Lost Horizon ของฟ้าที่เลือนหาย เป็นเรื่องราวของผู้รอดชีวิต
จากเหตุการณ์เครื่องบินตกแล้วเดินทางมาพบแชงกรีลา เมืองเร้นลับในหุบเขาหิมะเหนือหลังคาโลก มีวัดตั้งอยู่บนเนินกลางการห้อมล้อมของทิวเขาหิมะปกคลุมทอประกายแสงแดด แสงดาว มีพระที่มาจากที่ต่างๆ มาอยู่ศึกษาทางจิตวิญญาณท่ามกลางความสงบเยือกเย็น เป็นชุมชนอารยธรรมสูงไม่มีความรุนแรง...(เจมส์ ฮิลตัน ไม่เคยมาทิเบตมาก่อนนะครับ)
และเขาบอกอีกว่าหลังจากหนังสือตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2476 ผู้คนทางตะวันตกที่มีจิตใจบอบช้ำจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และภาวะเศรฐกิจตกต่ำ
รุนแรงในปี พ.ศ 2473 ต่างก็พากันออกตามหาดินแดน แชงกรีลา ซึ่ง แชงกรีลา เป็นดินแดนในจินตนาการ แต่หลายคนก็คิดว่ามันมีอยู่จริง
....คนทิเบตไม่เคยรู้เรื่องนี้....
แต่...คนทิเบต...มีเมืองในอุดมคติของเขาชื่อว่า "ซัมบาลา" ซึ่งทุกคนก็รู้ดีนี่
คือดินแดนสมมุติ
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นักเขียนฝรั่งอีกคนได้บุกมาถึง ลาซา และหลังจากนั้น
ได้นำประสบการณ์ 7 ปี ในทิเบตมาเขียนเผยแพร่ และได้กลายเป็นหนังสือที่ลือลั่นในระดับโลกไม่แพ้กัน
"Seven Years in Tibet" โดย ไฮน์ริช อาร์เรอร์(Heinrich Harrer) นักไต่เขาชาวออสเตรีย เขาถูกจับเป็นเชลยศึกของกองทัพอังกฤษที่ประเทศอินเดีย แต่เขาหนีออกมาได้และรอนแรมข้ามเทือกเขาหิมาลัยมุ่งหน้าสู่ทิเบตด้วย เคยรู้มาก่อนแล้วว่าทิเบตเป็นดินแดนลี้ลับ มีอารยธรรมอันเก่าแก่ให้ค้นหา เขาได้รับการช่วยเหลือจากชาวทิเบต และได้เฝ้าองค์ทะไลลามะองค์ที่ 14 จนเริ่มต้นสัมพันธ์ที่ดีจนถึงทุกวันนี้ ไฮน์ริช อาร์เรอร์ได้นำประสบการณ์ที่น่าประทับใจเผยแพร่ด้วยหนังสือ ตีพิมพ์ออกเป็น 53 ภาษา ยอดการพิมพ์กว่า 4 ล้านเล่ม และก็มีหนังออกมาปี 2540 แสดงโดย แบรตพิต รับบทเป็น ไฮน์ริช อาร์เรอร์ เรื่องอะไรไม่ได้บอกไว้นะครับ...
ปีเดียวกันหนังออกฉาย เป็นปีส่งเสริมการท่องเที่ยวจีนซึ่งรัฐบาลจีน ก็ยิ่งประโคมโหมว่า ดินแดนขอบฟ้าที่เลือนหายไปอยู่ที่เมือง "จงเตี้ยน" และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "แชงกรีลา" อย่างเต็มปากเต็มคำ....
ที่มา : ทิเบตที่เป็น-ไป
โดย : วีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง
-
แนะนำรูปแรก จะเจอแบบในหนังไทยที่กำลังฉายในบ้านเรา อะไรนะ ซัมบาลา ไม่รู้ถูกหรือเปล่า 555
-
เส้นทางไปสู่หลังคาโลก แชงกรีลา จะเจอแบบนี้สวยเนอะ
-
เขามังกรหยกสูงประมาณ 4000 กว่าๆ เราจะเปลี่ยนความสูง 1000 ม. ภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที จาก 3000 ไปเป็น 4000 กว่าๆ ทำให้ผมเดินไป 1 ก้าวหยุดพักนานเลย แพ้ความสุงอย่างรุนแรง
-
ก่อนขึ้นเขามังกรหยก เลนส์ไวด์เก็บไม่หมดเลย กว้างม๊ากก
-
ต้นแม่น้ำแยงซีเกียง ถ้าจำไม่ผิด เขาจะเรียกว่าโค้ง โอเมก้า เมื่อก่อนเข้าฟรี เดี๋ยวนี้เสียตังค์แพงด้วย ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 500 บาทไทย แค่ไปถ่ายรูปแค่เนี๋ย
-
อันนี้เป็นวัด แต่ก็ต้องเสียตังค์เข้าอยู่ดี เขาขายเป็นแพคเกจด้วยนะ ก็ตั้งแต่โค้งโอเมก้า... เรื่อยๆ มาที่วัดเป็นที่สุดท้าย(วัดเฟยไหล) แต่นับสถูปได้ 8 อัน หนังสือบอกว่ามี 9 อัน ก็ว่ากันไป ด้านหลังที่เห็นคือเทือกเขาเหมยลี่
-
เทือกเขาเหมยลี่ มียอดเขาสูง 13 ยอด ยอดที่สูงที่สุดเรียกว่า "คาเกอโป" อยู่ที่ความสูง 6,740 ม.น้อยกว่าเอเวอเรสต์ สูงที่สุดในโลก 8,850 ม. แต่ก็ยังไม่เคยมีใครพิชิตได้ แต่ก็มีนักปีนเขาแบบกล้าต่างพยายามพิชิตยอด คาเกอโป(ญีปุ่นและจีนจำนวน 17คน) แต่เจ้าถิ่นไม่เคยมีใครคิดจะพิชิตมันเลย แต่ผู้กล้าไม่มีใครได้กลับมา และก็ไม่รู้ว่าอยุ่ตรงไหนของเทือกเขา และเขาก็สร้างสถูปไว้เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงที่วัดเฟยไหล จำนวน 9 สถูป แต่ทำไมนับในรูปได้ 8 อันหว่า ที่มา : ทีเบตที่เป็นไป วีรศักดิ์ จันทร์ส่งแสง
-
หมู่บ้านที่เมืองต้าลี่มั๊งจำไม่ได้ แต่ชอบมากเหมือนอยู่ในยุทธจักร
-
ตัวอีเกอะ
-
โพสอีกรูปสวย
-
ภาพสวยจัง...เห็นแล้วอยากไป (ลงอีกเยอะๆ นะ) ;)
-
ตัวอีเกอะ
ทำไมวัวมันเดินตัวเอียง ๆ อ่ะ
-
ตัวอีเกอะ
ทำไมวัวมันเดินตัวเอียง ๆ อ่ะ
มันเป็นเลนส์ไวน์ ก็เลยกว้างมากทำให้รูปเอียงครับ
-
ภาพสวย ทำให้อยากไป ลงชื่อไปกับทริปพี่กันช่วงเดือนตุลาแล้ว ไม่รู้ว่าไปที่เดียวกันหรือเปล่า
-
ภาพสวย ทำให้อยากไป ลงชื่อไปกับทริปพี่กันช่วงเดือนตุลาแล้ว ไม่รู้ว่าไปที่เดียวกันหรือเปล่า
น่าจะไปเส้นทางเดียวกันละครับ สวยนะพี่เอาเมมโมรี่ไปเยอะๆ นะ
-
ทนไม่ไหวเข้าครัวทำอาหารเอง คุยตั้งนานเมื่อยมือ กว่าจะได้ทำ
-
เพื่อนที่ไปด้วยกัน
-
วัดจีนใหญ่มากก
-
อีกรูป
-
ใหญ่
-
กว้าง
-
อาหมวย
-
แนะนำมุมนี้
-
เมืองเก่าต้าลี้
-
อีกรูป
-
ฝากข้อความหากัน
-
สระมังกรดำ จะเอาน้ำที่ไนรดผักละเนี่ย
-
คนงาน
-
เมืองเก่าหลี่เจียง
-
อีกรูป
-
อีกรูป
-
จะขึ้นเขามังกรหยกแล้วละ
-
ยอดเขามักรหยก..กีมีตำนานเขาเล่าว่า..
จินชาเจียง(แยงซี) เป็นหญิงสาวแสนสวย
นู่เจียง(สาละวิน) พี่สาวของ จินชาเจียง ผู้อารมณ์โมโหร้าย
หลานชางเจียง(โขง) เป็นพี่สาวคนรองของ จินชาเจียง มีนิสัยหุนหันพลันแล่น
ทั้งสามมีความงานเลื่องชื่อ ต่อมมาพ่อจะจับแต่งงานแต่ทั้งสามไม่ยอม จึงได้หนีออกจากบ้าน พ่อโกรธมาก จึงให้ลูกชายสองคนชื่อ ยวี่หลง(มักงกรหยก) กับฮาปา ออกไปตามหา ยวี่หลงเอาอาบด้ามเงินไป 13 เล่มเหน็บไว้รอบเอว ส่วนฮาปาน้องคนรองเอาเกาทัณฑ์ไป 12 คัน
ตัดตอนนิดหน่อยนะครับ ...ทั้งสองก็มาดักทางที่คิดว่าสาวทั้ง 3 คนจะผ่าน สาวทั้ง 3 ต่างก็มีความเห็นต่างกัน และก็ต่างแยกย้ายกันหนีคนละทาง โดยนู่เจียงกับหลานชางเจียงมุ่งลงใต้ จินชาเจียงไปทางตะวันออก สองกลุ่มมาแยกทางกันที่หมู่บ้านฉือกู่ และได้ขับร้องเพลงพิณ ทำให้ฮาปา(พี่ชาย) หลับเคลิ้มทำให้จินชาชาเจียงหนีไปได้...
ยวี่หลงตื่นขึ้นมาได้ โกรธ ฮาปา มากกก แต่ทันใดนั้นมีอสูรโผล่มา ยวีหลง จึงให้น้องฆ่าอสูรเพื่อไถ่ถอนความผิด เขาจึงใช้เกาทัณฑ์ทั้ง 12 อันยิงไปทั้งหมด อสูรก็ไม่ตาย แต่กลับถูกอสูรฆ่าตายด้วยการบั่นคอขาดอีกต่างหาก...
ยวี่หลงเห็นน้องตาย ก็เอาดาบ 13 เล่มที่เตรียมมาลุยอสูร สู้กันอยู่ 3 วันจึงฆ่าอสูรได้ แต่ตั้งมานั่งเสียน้ำตาเพราะสูญเสียน้องชาย...
จึงเป็นที่มาเทือกเขามังกรหยก..และจะเห็นเทือกเขาฮาปาด้วยซึ่งจะมีระดับต่ำกว่าเนื่องจากฮาปานั้นถูกหั่นหัวขาดไป... เป็นไงครับ ..เป็นตุเป็นตะไหม 555
เรื่อง ทิเบตที่เป็น-ไป
โดย วิระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง
-
ใหญ่
-
และก็ใหญ่
-
มันมาจากนอกโลก
-
อีกมุม
-
สุดสายตา
-
โอเมก้า
-
อีกมุม
-
อีกมุม
-
ใกล้ถึงแชง
-
อีก
-
อีก
-
รถเสียหม้อน้ำแตก
-
อีก
-
รู้สึกอยากไปอีก
-
ยอดเขาเมยลี่
-
ธารน้ำแข็งหมิงหยง
-
อีกที่
-
ทีวัดเฟยไหล
-
ยอดเหมยหลี่ อีกด้านหนึ่ง
-
อีก
-
วัด
-
วัด
-
อุโมงเยอะที่เนี่ย
-
ธานน้ำแข็งหมิงหยง เห็นว่า 2000 ปี
-
น้ำแข็งที่ละลายจากธารน้ำแข็งหมิงหยง กลายเป็นสายน้ำ รวมกัน ถ่ายไปข้างดูเหมือนเล็กๆ นะครับ แต่มันไม่มีไรเทียบ จริงๆ มันใหญ่มากกก
-
พลังศรัทธาที่นี้ ก็ใช้เงินเหมือนกัน
-
ธารน้ำแข็งหมิงหยก จะละลายกลายเป็นน้ำตก แต่น้ำขุ่นมากก
-
ถ่ายซูมใกล้ๆ
-
รถทุกคันที่นี่จะมี อันนี้ติดไว้ทุกคัน
-
เมืองจงเตี้ยนจะมีอนุเสาวรย์นี้เป็นสัญลักษณ์ เดี๋ยวหาคำตอบให้ว่าทำไม
-
เขาบอกว่า...พระที่นี่จะถูกดูถูกว่าประมาณว่าเป็นคนอิกระดับ เหมือนไม่ทำมาหากิน รอบิณฑบาต แต่ที่นี่เขาเรียกว่าขอทาน เขาจะไม่ค่อยนับถือพระเท่าไหร่
-
สระหน้าวัดใหญ่อีกแล้ว
-
อีกรูป
-
ไม่ไหวต้องเติมอากาศหน่อย
-
ธารน้ำแข็งมาดูกันใกล้ๆ มันใหญ่มากจริงๆนะ
-
เดินไม่ไหว ขอขี่ลาหน่อย
-
แอบซุ่มโจมตีด้วยกล้อง
-
ความสูงเท่าไหร่ดูจากรูปละกัน
-
วัด
-
มีอยุ่ทัวไปธง
-
เก็บภาพหน่อย
-
ขนๆ ที่เขาปักกันบนหัวกันถ่ายซูม
-
บรรยากาศภาพ สวยงามทุกรูปเลยค่ะ
น่าเที่ยวม๊าก มาก ชอบ ชอบ บรรยากาศแบบหนาว หนาว
-
เส้นนี้อันตรายไหมครับ
-
เส้นนี้อันตรายไหมครับ
ไม่มากแค่เสียวๆ ครับ
-
ก็ดีนะ แต่ของกินจะหากินยากอะสิ
-
ก็ดีนะ แต่ของกินจะหากินยากอะสิ
ของกินหาไม่ยาก แต่ว่ามันมีแต่ของมันๆ และส่วนใหญ่เป็นแป้ง เรามักจะไม่ชอบกัน แนะนำให้กินผลไม้ดีกว่า กล้วย แอปเปิ้ล รสชาติค่อยคุ้นหน่อย
-
กระทู้นี้มีการวิวดูค่อนข้างเยอะ ก็เลย เอารูปมาลงอย่างจริงๆ จังๆ ให้ดูกันนะครับว่า Hikingthai ไปเที่ยวกันอย่างไร
-
เราเดินทางกันด้วยรถยนต์ (กะว่าน่าจะประหยัดกว่าการขึ้นเครื่องบิน) ด้วยการข้ามฝั่งที่เชียงขวาง ข้ามไปลาว และก็เข้าสู่จีน นั่รถตูดบานกันเลย เมื่อถึงจีนทีเมืองอะไรจำไม่ได้แล้ว(น่าจะคุณหมิง) ต้องพักก่อนเพื่อรอเดินทางต่อไปเมือง ต้าหลี่ หิวโซมาก สั่งอาหารมากันซะ
-
การนั่งรถไปจากเมืองคุณหมิง ไปต้าลี่จะเป็นรถนอน รถนอนจริงๆ เขาจะให้ถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติก ในรถจะเป็นเตียง2 ชั้น 3 แถว คนที่อยู่ชั้นบนสุดจะนั่งไม่ได้ หัวติดหลังคาละ ที่นี่เขานึกอยากจะสูบบุหรีเขาก็สูบเลย ใครไปเอา หน้ากากแบบกันกลิ่นได้ด้วยไปก็ดีนะจะได้หลับสบาย แต่ก็ต้องระวังกระเป่าตังค์ และของสำคัญด้วย เพราะว่าเพื่อนโดนแล้ว
-
ม่าถึงต้าหลี่ก็หาที่พัก ที่พักมีเยอะแยะ และคนก็มหาศาลด้วยทั้งนักท่องเที่ยว และคนจีนเอง เราเริ่มเที่ยวกันที่วัดฉงเซิ่่ง
-
จุดเด่นของที่นี่ก็เป็นเจดีย์ 3 อันที่สูงถึง 16 ชั้น
-
ที่นี้ก็มีของที่ระลึก แบบจีนๆ ให้ซื้อกัน ที่นี่ก็สะอาดดีนะ
-
วัดใหญ่ม๊ากกก เดินกันเมื่อยตุ้มนะ มีรถพาไปจุดไกลสุดเหมือนกันแต่เสียตังค์ เราเลือกประหยัดเดิน และสามารถถ่ายรูปได้เยอะด้วย
-
กุหลาบพันปี ที่นี้ก็มีหลายสี มีให้เห็นเป็นของธรรมดาไปเลย บ้านเราจะเห็นต้องขึ้นดอย
-
มุมมหาชน
-
ตอนไปถ่ายช่างภาพเต๊มไปหมด
-
ต้องใช้ไวด์โครต เท่านั้นนะเก็บไม่หมดนะ พื้นที่ให้ถอยน้อยมาก
-
ที่นี่มันพันธุ์ไม้แปลกๆ มากมาย
-
ดอกอะไรไม่รู้
-
คนเยอะจริงๆ
-
ถ่ายจะให้ไม่มีคนเลิกคิดไปเลย
-
มีมุมให้ถ่ายรูปกันเพลินไปเลย
-
เพพเจ้า ชือไรไม่รู้จักอีกเช่นเคย
-
ที่นีก็มีปลาเต่าปล่อยกัน ความเชื่อเหมือนบ้านเรา
-
อลังการมากแต่ละอย่าง จะใหญ่ไปไหน
-
ภาพแรกที่ไม่มีคน
-
แต่ละศาลา ก็จะมีพระพุทธรูปประจำ
-
เปลี่ยนมุม
-
ขึ้นไปถ่ายมุมสูง
-
ที่มองเห็นไกลๆ หลังเจดีย์ก็คือ ทะเลสาบเอ๋อไห่ เป็นทะเลสาบน้ำจีด
-
ระฆังก็โครตใหญ่
-
กว้างไหม
-
ด้านหลังเป็นภูเขาสูง
-
เจดีย์นี้ก็สวยนะ
-
ในวัดจะมีพิพิธภัณฑ์ ให้ชมห้ามถ่ายรูป เพิ่งรู้หลังจากถ่ายเสร็จ
-
มาดูเจดีย์ 16 ขั้น กันใกล้ๆ เงยหน้าแทบหงายเงิบกันไปเลย
-
มองเห็นทะสาบน้ำจือเอ๋อไห่
-
ที่นีจะนิยมอาหารมันๆ เน้นพลังงานอ่ะนะมันหนาว แต่ว่าเราไม่ชินกินแล้วเวียนหัว น้ำมันทอดก็ไม่รู้ใช้มากี่ชาติ
-
ดอกไม้บ้าง ไรบ้าง
-
อีกสักดอก
-
ออกจากวัดฉงเซิ่งมา เราก็เดินไปเที่ยวทะเลสาบเอ๋อไห่กัน เขาว่ายาวตั้ง 30 กม. มีรูปร่างเหมือนใบหู เป็นน้ำจิดนะครับ
-
ที่นี่รู้สึกจะมีโชว์จับปลาโดยใช้นก มีเรือพาเที่ยวแต่ไม่ได้ลงล่ะ
-
จะมีน้องๆ มาฝึกวาดรูปกัน
-
บรรยากาศดีเหมือนกันนะ
-
เรือนำเที่ยว
-
น่าจะเป็นร้านอาหาร หรือไม่ก็ที่พักไม่แน่ใจ
-
น้ำท่าทางจะเย็นมาก
-
ก่อนกลับอีกสักรูป
-
เมื่อยแระ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวเมืองต้าหลี่กู่เฉิง เป็นเมืองเก่า ทีมีคนนิยมมาเที่ยวมากมาย แล้วเจอกันครับ
-
ไปเที่ยวเมืองเก่าต้าหลี่กู่เฉิง
-
ไปเดินกันตอนเย็นๆ นะจะได้ไม่ร้อนถ่ายรูปก็สวยด้วย วันที่ไปรู้สึกฝนจะตก
-
เมืองเก่าที่นี่ ก็เหมือนเป็นแหล่งช็อปปิ้งทั่วไป แต่จะมีของพื้นเมืองเยอะหน่อย
-
เมืองต้าหลี่ห่างจากตัวเมืองเพียง 13 กม. สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1382
-
ขั้นบนของเจดีย์รูปด้านบนจะมีพระพุทธรูปให้สักการะ
-
ถ่ายรูปนาน จนปิดแระ
-
สภาพเมืองเก่า เดินง่ายไม่หลงแต่เมื่อยเหมือนกันนะ
-
น้ำตาลทำเป็นรูปต่างๆ บ้านเราเจ๋งกว่านะ
-
มีป้าขายขนมก็ไม่พ้นแป้ง แป้ง และก็แป้ง
-
นกหวีด
-
นึกไม่ออกเอาไว้ใช้ตอนไหน
-
เอาหมวย เต็มไปหมดที่นี่
-
กุหลายพันปีสีส้ม มีขายในกระถางเหมือนจตุจักร
-
สีชมพูก็มีนะ
-
นอกจากนั้นก็ยังมีดอก ที่เหมือนๆ บ้านเรา
-
กล้วยไม้ก็มี บ้านเราหายากแต่ทีนี่เต็มไปหมด
-
ของพื้นเมืองเห็นจะเป็นผ้าทอด้วยมือ หลากหลายสีสรร
-
เริ่มเย็นแระ ไฟเปิดร้านค้าเปิดไฟ บรรยากาศดีทีเดียวหนาวด้วย
-
นี่เป็นโรงแรมนะครับ
-
ตอนกลางคืนคนเยอะต้งขาตั้งกล้องต้องระวัง คนเดินเตะ
-
ตอนเย็นก็จะมีการแสดงพื้นเมืองให้ชมกัน
-
จะกลับแล้ว ง่วง
-
ปิดท้ายด้วยประตูกำแพงเมือง ก่อนไปนอน วันพรุ่งนี้มาใหม่
-
แล้วเราก็เดินทางด้วยรถนอนมาถึงลี่เจียงเมืองที่ค่อนข้างร่วมสมัย แต่สถานที่ยังอนุรักษ์ไว้ จะมีกังหันกาลักน้ำเป็น Land mark ของที่นี่
-
จะมีป้ายที่เขาเขียนส่งถึงกัน ประมาณว่าเหมือนข้อความฝากไว้ให้ใครสักคนอ่ะ
-
ใครมาถึงก็มาเลือกๆ ดูว่ามีใครส่งให้ฉันมั่ง
-
นั่งเฝ้าของระหว่างเพื่อนเดินหาห้องพัก
-
ได้ห้องพักแล้วเราจะไปเที่ยวสระมังกรดำกันอยู่ห่างจากที่พักไม่มากเดินไปได้ แต่ว่า...
-
น้ำไปไหนหมดล่ะ เขาเรียกว่สระไม่ใช่เหรอ สระต้องมีน้ำสิ
-
เสียตังค์เข้ามาแล้ว ก็ถ่ายกันไป
-
เดินอ้อมมาดูสระด้านหลัง ก็แห้งเหมือนกัน
-
แห้งก็จะถ่ายมีไรไหม
-
พยายามหามุมกันไป
-
เดินเกือบรอบแล้ว
-
มีน้ำอยู่หน่อยนึง
-
เดินลงไปเล่นข้างล่างซะเลย
-
แห้งมาก
-
นั่งทำใจก่อนกลับที่พัก
-
ที่เมืองลี่เจียง ส่วนใหญ่จะเป็นPUB มีนักร้อง มีไม้ไว้เคาะกันลั่นร้าน ไม่ได้เข้าอ่ะ กลัวตังค์หมด
-
ร้านเต็มไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมมันเยอะขนาดนี้
-
เดินหลบออกจากแหล่งอโคจร ก็จะเป็นหมู่บ้างเหมือนในหนังที่ดู เพลินทีเดียว
-
เสี่ยวเอ้ออออ
-
ที่นี่ออกแบบได้ถูกใจผมมาก
-
ก็จะเป็นร้านขายของต่างๆ นาๆ
-
มีที่พักด้วย ที่พักที่นี่สวยนะชอบ
-
ช็อปกันไป
-
กลับมานอนแล้วเหนื่อย อันนี้ถ่ายจากที่พักนะครับ
-
ไปนอนก่อนพรุ่งนี้จะพาขึ้นเขามังกรหยก
-
ยามเข้าที่ลี่เจียงก่อนไป ขึ้นเขามักรหยก
-
ระหว่างก็สวยนะ วันได้ได้คนขับรถเป็นผู้หญิงพูดอังกฤษไม่ได้เลย
-
แม้ยังกะมีคนจีนพูดอังกฤษทุกคน ตื่นตาตื่นใจมากกับการไป ก็เคยเห็นเป็นครั้งแรกอ่ะนะ
-
ที่นี่เขาบอกว่าควรไปฤดูร้อนเท่านั้นล่ะ หากไปฤดูหนาวก็จะขาวไปด้วยหิมะเต็มไปหมดอากาศก็เลวร้ายด้วย
-
กดกันใหญ่
-
การขึ้นเขามังกรหยก จะมีรถพาไปขึ้นกระเฃ้าอีกที
-
วิวจะกว้างมาก ไวด์ขนาดไหนก็เก็บไม่หมดล่ะ ขึ้นรถเพื่อไปขึ้นกระเช้าอีกที
-
ถึงแล้วขึ้นกระเช้าล่ะนะ
-
ขึ้นกระเช้ามาแระ จะบอกว่ากระเช้าเคลื่อนที่เร็วมาก คือเราจะใต่ระดับความสูงไปถึง 4500 ม. เพียง 0.5 ชม. เร็วมากแม่เจ่้า ผมรู้สึกจะเป็น Attitue Sickness
-
พยายามไม่คิดดึงความสนใจตัวเองไปที่วิวด้านนอก ฃ่วยได้บ้าง
-
ไม่ไหวแล้วเลยต้องงั้นอากาศกระป๋องออกมาใฃ้
-
ภาพด้านล่างที่เราผ่ามมา
-
เพื่อนๆ ต่างตื่นเต้น เก็บภาพกัน น่าสนุกนะแต่อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ยอมได้ไงล่ะ
-
ใกล้จะถึงยอดแล้ว
-
ถึงแล้ว อากาศเย็นมากหนาวมาก ปวดหัวด้วย
-
อุแม้เจ้า ทำไมม้นใหญ่ขนาดนี้ เขามังกรหยกเรียกอีกชื่อว่า อวี่หลงเชี่ยซาน เป็นภูเขาทอดตัวยาวไปกว่า 35 กม. กว้างประมาณ 20 กม. หรือเรียกเป็นอังกฤษว่า Jude Dragon Snow Mountain
-
อวี่หลงเซี่ยงซษนมียอดเขาทั้งหมด 13 ยอด โดยยอดสูงสุดชื่อว่า ซานจือโต่ว สูง 5,596 ม. ประวัติของมันก็ไปอ่านหน้าแรกๆ นะพิมพ์ไว้แล้ว
-
อาจจะงงทำไมเสื้อหนาวสีแดงกันมาก ก็คือเขามีให้เช่าเสื้อหนาวครับ
-
จะมีสะพานให้เดินไปอีกไกลเลย ผมเดิน 2 ก้าว ก็ต้องพักแล้วอ่ะ
-
อยากเดินไปบนสะพานแต่ไม่ไหวล่ะ ใครจะเดินก็เชิญ
-
เหนื่อยแล้ว อยากลงแล้วอ่ะ
-
ทางที่เราขึ้นมา
-
ซูมไปบ้านข้างบน ไกลมาก
-
ไกลขนาดยังมีคนเดินไปอีกนะ
-
ฟ้าที่นี่ค่อนข้างปิด โชคดีวันที่เรามาฟ้าเปิดให้พอได้ถ่ายรูปได้บ้าง
-
พี่เขากล้องไรอ่ะ
-
ที่นี่มีบริการไสด์เดอร์ด้วยห่วงยางด้วย น่าสนุกนะ
-
มีบ้านด้วย
-
เริ่มแล้วไสด์เดอร์
-
มีเช่าชุดถ่ายด้วย
-
เอ้าดูกันเต็มสะพาน
-
ชุดเตรียมพร้อมสำหรับเช่าถ่าย
-
ไม่ไหวเติมออกซิเจนกันหน่อย
-
อยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชม. สงสัยจะต้องลงแระ
-
นี่ไงจะมีป้ายบอกระดับความสูงไว้เลย 4500 ม.
-
ลงก่อนนะ เดี๋ยวมาใหม่จะพาไปเต๋อชิงต่อ
-
ก่อนจะถึงเต๋อชิง ก็ต้องแวะพักที่จงเตี้ยนก่อน เมืองที่นี่น่าจะเป็นจุดพักซะมากกว่าเป็นเมืองเที่ยวอ่ะ
-
ระว่างทางก็เก็บรูปมาฝาก รถโดยสารเขามีคนขับคนเดียว จำกัดความเร็วร้สึกจะไม่เกิน 60 กม./ชม.ทำให้อาการเมารถไม่ค่อยมี
-
ระว่างทางก็เก็บรูปไปเรื่อง ง่วงก็นอนมันไกลจริงๆ
-
วิวที่นี่ยอมรับว่ามันกว้างใหญ่ไพศาลจริงๆ
-
ดูแห้งแล้ง ไม่ค่อยมีต้นไม้ อยากรู้จังว่ากินอะไรกัน
-
สงสัยจะต้มหิมะกินกัน
-
ตื่นมาแล้วพร้อมที่จะเดินทางไปเต๋อชิงกันแล้ว เราเลือกที่นะเหมารถเที่ยว เนื่องจากเราต้องกลับทางเดิม
-
ระว่างทางก็แวะที่นี่เลยที่แรกทะเลสาบ นาพาไห่ แต่ไหง๋น้ำหายไปไหนหมดไม่รู้ ถ้าน้ำเยอะๆ คงจะสวยนะ
-
ใหญ่จริงๆ และเราก็เริ่มเห็นธงของทิเบตกันแล้วด้วย ตื่นเต้น
-
ต้องเสียค่าเข้าด้วยอ่ะ
-
ห้องน้ำก็เริ่มแย่ แปรผันตามระยะทางที่ห่างจากตัวเมือง
-
ธงจะมี 5 สี
-
น้ำมีแค่เนี๊ย
-
อีกรูป เสียตังค์มาแระ
-
หนำใจแล้วก็เดินทางต่อ เจอหมู่บ้านนึงสวยดี หยุด หยุด ถ่ายรูปกันก่อน
-
ดูมันแล้งๆ เนอะ
-
ถนนก็โอเคนะช่วงนี้ แต่บางช่วงอยู่ระหว่างก่อสร้าง
-
แวะอีกจุด จริงๆ มันจะเป็นหุบลงไปด้านล่าง เห็นเป็นร่องเขียวๆ ป่ะ นั่นล่ะ ที่เราจะต้องนั่งรถผ่านไป
-
อีกรูป
-
ใกล้เที่ยงแล้ว เราได้มาแวะที่วัดจำชื่อไม่ได้แระ เป็นทางตันนะ เข้า-ออกทางเดียว
-
วัดเหมือนสร้างใหม่นะ สวยดี
-
มีธงเหมือนกันที่นี่
-
มีเจดีย์สามองค์ด้วย
-
มีแม่น้ำไหลผ่าน
-
ไป ไป เดินทางต่อเดี๋ยวจะมือซะก่อน
-
เส้นทางถูกสร้างใหม่ ใครไปรอบหลังคงจะสบาย
-
มาถึงจุดแวะที่สำคัญอีกที่ โค้งโอเมก้า
-
ต้องเสียตังค์ค่าเข้าตามเคย โค้งโอเมก้า หรือเรียกอีกอย่างว่าโค้งหลังเต่า
-
เขาเข้าใจบังมุมถ่ายรูปนะ ก็คืออยากได้ภาพสวยต้องเสียตังค์ว่างั้นเหอะ เอ๊าเสียก็เสีย ปรึกษากันเรียบร้อยแระ
-
แม่...ไม่น่าเสียตังค์เล๊ย
-
ภาพนี้ล่ะที่ต้องเสียตังค์
-
โค้งโอเมก้า เป็นจุดที่แม่น้ำจินชาไหลผ่าน
-
เห็นเส้นเล็กๆ รอบโค้งโอเมก้าป่าว นั่นคือถนน นะ
-
มาดูแนวตั้งกันบ้าง
-
ขอสักรูป อดไม่ได้
-
เขาสร้างห้องชมวิวไว้ด้วย
-
มาซูมดูโค้งโอเมก้ากันใกล้ๆ
-
ถ่ายกะไว้ตัดต่อ
-
เพื่อนยังตื่นตาตื่นใจไม่หาย
-
เดินทางต่อ อ้อลืมบอกไปว่าตั๋วเขาขายเป็นแพคเกจ เส้นทางที่เราเดินทางมีจุดแวะที่สำคัญอะไรบ้าง แพงเหมือนกัน
-
มีคน Treaking ด้วย
-
หิวข้าวแล้ว เดี๋ยวมาต่อใหม่
-
วิวข้างทาง
-
เส้นทางอยู่ระหว่างก่อสร้าง
-
มี Land Slide น่ากลัวเหมือนกัน
-
เริ่มเห็นภูเขาหิมะแล้ว เราเริ่มไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ
-
เริ่มมีหิมะหนาตา
-
แวะเข้าห้องน้ำก็แอบเก็บภาพเล็กน้อย
-
แทบจะไม่มีที่ให้ยืน
-
เดินทางต่อ
-
วู้ หิมะ
-
ใกล้ถึงจุดสูงสุด
-
ถึงแล้วจุดสูงสุด ประมาณ 4500 กว่าๆ นะถ้าจำไม่ผิดมันมีป้ายด้วยแต่ล้มไป ไม่ได้ถ่ายรูปมา
-
แก๊งมอไซด์นี้มาจากประเทศไทย งง มาถึงได้ไงเนี่ย
-
รถที่เราเหมามา มี 2 คัน ดันเสียอีก 1 คัน หม้อน้ำแตก ก็เลยวุ่นกันใหญ่ มีอีกคนเป็น Attitude sickness ด้วย
-
เลยต้องอยู่ตรงนี้ก่อนเพื่อเอารถไปส่งคนป่วย และซ่อมรถอีกคัน
-
ไม่มีเสื้อหนาว เย็นมาก เสื้อหนาวอยู่ในรถไม่ได้เอาลงมา
-
อีกตั้งไกลกว่าจะถึงเต๋อชิง ไม่เป็นไรเก็บรูปไปพลางละกัน
-
อุ๊ยยย หนาวอ่ะ
-
มีธง อยู่ด้วย
-
ก็เปลี่ยนมุมไปเรื่อยล่ะ
-
รถยังซ๋อมไม่ได้ ก็อึดกันต่อไป แข็งใจเดินทางต่อคลานกันไป
-
ไป ไป
-
เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน
-
เส้นทางค่อยยังชั่วแล้วเป็นขาลงไปเมืองเต๋อชิง
-
เก็บภาพต่อ
-
เริ่มเห็นเทือกเขาสวยงาม
-
รถหม้อน้ำแตกต้องจอดเป็นระยะ เพื่อลดความร้อนด้วยน้ำละลายจากหิมะ
-
หยุดก็เก็บภาพไป
-
สวยขึ้นเรื่อยๆ
-
บ่ายแล้วยังไม่มีทีท่าจะถึงเต๋อชิงเลยอ่ะ
-
จอดอีกแล้ว ไปตักน้ำกัน
-
ก็เลยได้เก็บภาพเล็กน้อย
-
ก็สวยไปอีกแบบ
-
เติมแล้วก็ไปต่อ
-
เราสต็อกน้ำไว้ หมดก็เอามาเติม
-
จอดอีกแล้ว ก็เก็บรูปอีก ก็ดีเหมือนกันนะได้ถ่ายรูปเป็นระยะๆ
-
ทาง 360 องศา
-
ไปๆ เติมน้ำแล้ว
-
ดูเอาละกันรุนแรงแค่ไหน
-
มาจอดเสียตรงยอดเขาเหมยลี่ นานเลย ได้เก็บภาพอย่างสบายใจ
-
เก็บมาเยอะ
-
ซูมอยู่ยอดเหมยลี่กันใกล้ๆ
-
มันจะมี 3 ยอดนะแหลมๆ
-
มาถึงแล้ว เต๋อชิง รูปนี้ถ่ายบนดาดฟ้าที่พักตรงข้ามกับวัดเฟยไหล
-
ฟ้าไม่เป็นใจเล๊ย ถ้าฟ้าเปิดก็จะเห็นยอดเขาเหมยลี่ที่ตรงนี้ด้วย ซึ่งเป็นไฮไลท์เลยทีเดียว
-
เจดีย์มีประวัตินะ
-
ตอนเช้าจะมีคนมาเผากระดาษกัน
-
เบื้องล่างเป็นหมู่บ้าน ลึกลงไปมากๆๆๆ
-
ไม่รู้จะลงไปยังไง
-
นอนพักแล้ว และวันนี้เราจะเดินทางไปชมธารน้ำแข็งหมิงหยงกัน ระหว่างทางก็เก็บภาพไปเรื่อย อดไม่ได้
-
การจะจอดแวะถ่ายรูป ขอบอกว่าอันตรายมาก
-
ถนนจะพอดีสำหรับรถวิ่ง ไม่มีไหล่ทางเลย เลยถนนก็เป็นที่ลาดมากๆ
-
อันนี้ถ่ายบนรถ
-
อีกภาพละกัน
-
มาแล้ว ไปขึ้นธารน้ำแข็งหมิงหยงกัน เดินเท้าประมาณ 6 กม. แต่ผมเลือกขี่ลา จะได้ไม่รมเสีย ถ่ายรูปจะได้สนุกๆ
-
ได้เพื่อนเป็นลุงที่มาจากเซี้ยงไฮ ลาก็จะมีการพัก เขาก็จะมีอาหารน้ำให้มันกินด้วยระหว่างพัก(น้ำกินจากน้ำหิมะละลายเขาจะทำเป็นร่องน้ำเล็กๆ ไว้
-
ที่ไหนมีลมแรงที่นั้นจะมีธง
-
มีบางช่วงต้องลงจากลา เดินเอา น่าจะบังคับให้เดินชมวิวล่ะผมว่า
-
อากาศดีเย็น แต่เหม็นอึลาไปหน่อย
-
เก็บวิวหน่อย
-
ใกล้ถึงธารน้ำแข็งแล้ว ที่เห็นขาวๆ นั่นล่ะ
-
มีชักธงข้ามฝั่งด้วย
-
ถึงแล้ว ดูเหมือนไม่กว้างนะแต่จริงๆ มันกว้างม๊ากกกก
-
หลายพันปีเลยทีเดียว
-
เดินตามสะพานไปเรื่อยๆ
-
แต่อ้าววว สะพานพัง ไปไม่ถึงศาลาชมวิว
-
ดูจากทรงแล้วพังนาแล้วน่ะ
-
ไม่เป็นไร เห็นแค่นี้ก็พอใจแล้ว
-
มาดูกันใกล้ๆ
-
เห็นยังงี้จริงๆ มันก้อนใหญ่มากนะ ใหญ่กว่าตัวเราหลายเท่า
-
เขาก็แสดงพลังศรัทธาด้วยเงินวาง ตามก้อนหินต่างๆ
-
นี่ก็วางอีก
-
ที่นี่ลมแรงธงก็เลยตรึม
-
สัตว์เลี้ยที่นี่ ตัวอีเกอะ
-
ดอกซากุระ ป่ะ
-
มันจะมีกองหินที่เขานับถือกัน มีลวดลายด้วย
-
ลงมาถึงพื้นก่อนเพื่อนก็เลยไปถ่ายลำธารที่เกิดจากหิมะละลาย
-
อีกรูป
-
ให้เห็นชัด ภูเขาที่เราไปมา
-
กลับแล้ว ขากลับเห็นหมู่บ้านอยู่ในหุบเขา ต้นไม้เขียว
-
ที่นี่คงจะหาพื้นราบๆ ได้ยาก
-
อีกรูปชอบ่อ่ะ
-
ภูเขายังเด่นเป็นสง่า
-
ภูเขาสลับซับซ้อน
-
ระหว่างทางจะได้เจอแบบนี้
-
และก็แบบนี้
-
กลับมาถึงที่พักแล้ว เราก็เข้าวัดเฟยไหลอีกรอบ คราวนี้เสียตังค์เข้าไป หนาวมากกก
-
เหมือนเขาพึงปรับปรุงสถานที่เสร็จใหม่ๆ
-
ยังคงความเชื่อไว้เหมือนเดิม
-
หน้าตาเจดีย์ แต่ละอันไม่เหมือนกันนะสังเกตุดีๆ
-
อีกมุม
-
เห็นแดดเปรี้ยงๆ แต่จริงหนาวมากนะ
-
หมุ่นไปเรื่อยๆ
-
แรงกันเป็นระนาบ
-
ธงก็เยอะมากเช่นกัน
-
ตื่นเช้าแหกขึ้ตามากะจะถ่ายยอมเหมยลี่ บ้าง ฟ้าปิดซะงั้น
-
เห็นแค่ว๊อบๆ แวมๆ ที่เห็นยังไม่ใช่ยอดมันล่ะนะ
-
เดินทางกลับเมืองจงเตี้ยนกัน ได้แวะเจดีย์ 13 องค์
-
ไว้มาต่อวันต่อไป นะ
-
นิยมสร้างเจดีย์
-
ตอนถ่ายฝนกำลังตกเลย รีบนิด
-
อากาศก็เย็น ยังจะตกอีก
-
ประตูอลังการมาก
-
อีกมุม
-
ในรถทุกคันส่วนใหญ่จะมีอันนี้กัน
-
แวะถ่ายรูปอีก
-
ถ่ายไปเรื่อย
-
เหมือนช็อกโกเลตไหม
-
เห็นรถบรรทุกันป่ะ
-
หนทางขากลับ ชักเหนื่อย หลับตลอดทาง
-
กลับมาถึงเมืองจงเตี้ยนแล้ววววว
-
ต้องรีบเดินทางต่อ ที่นี่มีรถสามล้อด้วยดูดีๆ
-
ยังพอมีเวลาเหลือไปเที่ยววัด ซงจ้านหลินกันต่อ
-
เจอไกด์ไทยด้วย เขาบอกว่าที่นี่เขาจะไม่นับถือพระกัน
-
เขาบอกว่าไม่ทำอะไร ได้แต่บินฑบาตร (เขาคิดว่าได้แต่ขอ)
-
พระจะอาศัยอยู่ที่นี่กันหมด มีบ้านอยู่ที่นี่
-
ที่นี่ก็เสียตังค์ค่าเข้าเหมือนกันนะครับ
-
มีเวลาน้อยมากก็เลยเที่ยวรอบๆ นอก
-
ไม่ได้เดินขึ้นไปด้านบน
-
อีกภาพละกัน
-
จากนั้นก็เดินทางย้อนกลับเส้นทางเดิมเข้าสู่ประเทศไทย
-
รถที่เราใช้เดินทาง ระหว่างอยู่ในประเทศจีน
-
จบการเดินทาง ไว้เจอกันทริปต่อไป ขอบคุณครับสำหรับการติดตามชม
-
ขอบคุณครับๆ
-
ขอบคุณครับๆ
ดีใจจังมีคนเข้ามาดูด้วย