Hiking Thai
Hiking Thai => เที่ยวนอกบ้าน...นอกเมืองไทย => Topic started by: designbydx on พฤษภาคม 19, 2013, 11:00:26 am
-
ยอดเขาคินาบาลูได้ถูกประกาศเป็นมรดกโลกแห่งแรกของมาเลเซีย เมื่อเดือนธันวาคม 2543 มียอดสูงสุด 4095.2 ม.(รทก.) ชื่อว่า Low's Peak และมีหลายยอดนะบนเขาลูกนี้ แต่ตอนนี้ดูในรูปก็ยังไม่รู้ว่ายอดไหน
ขุนเขา คินาบาลู ในรูปแบบธนบัตรของประเทศมาเลเซีย คืออะไร? มีใครรู้เรื่องตำนานมีไหมคะ
ลูลู ลู่ซาน ยอดเขาคินาบาลู ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และเป็นตำนานจิตวิญญาณแม่ม่าย
.. ตำนานภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของคนจีน "Kina" เป็นชื่อเล่นของแม่หม้ายในภาษาจีน และ "Balu" บาลู คือวิธีการที่ยังนับถือจิตวิญญาณของตำนาน "แม่ม่าย" เป็นที่รู้จักคือ ภูเขาสูงที่สุดในเกาะเบอร์เนียว ซึ่งมีหมู่บ้านชนเผ่าดูสัน (Dusun) หรือชนเผ่าคาดาชาน kadashan (Kadazan)
.. ตำนานเรื่องเล่ากันว่า เจ้าของเรืออับปางเป็นเจ้าชายหนุ่มชาวจีนในรัฐซาบาห์ และได้แต่งงานกับนางเถียว (Tiao) ผู้หญิงพื้นเมืองในเกาะเบอร์เนียวนี้เป็นระยะเวลานาน สามีคิดถึงบ้านเกิดมาก และกลับไปในช่วงเวลา เจ้าชายให้สัญญาว่า ผมจะกลับมาหาภรรยาของผมแน่ แต่เขาไม่เคยกลับมาเลย
.. จนทำให้นางเถียว รู้สึกเสียใจเป็นบ้า สติไม่ดี กลายเป็น หม้าย และมักจะไปปีนภูเขาทุกวัน เพื่อรอคอยสามีกลับมา! หวังที่จะเห็นเรือสำเภาของสามีในทะเลจีนใต้
.. ในที่สุดวันหนึ่งที่นางเถียวได้เจ็บป่วยจนตรอมใจสิ้นใจนั่งบนยอดภูเขา และร่างกายของนางเถียวก็แปรสภาพเป็นหินชะง่อนใหญ่ขึ้น หันหน้าไปทางทะเลจีนใต้ ช่วงนั้นเพื่อรอคอยสามีกลับมาที่นี่อย่างถาวร
.. "การรอคอยนับเป็นพันปี ความรักของเธอมีอายุพันปี" เป็นเรื่องเล่าอันประวัติศาสตร์อย่างเศร้า
.. พวกเราคิดว่าภูเขาคินาบาลู คือ "ลมภูเขาภายใต้หมู่บ้านแม่ม่าย"
copy เขามาอีกทีนะ จาก FACEBOOK
http://www.youtube.com/watch?v=uG3blrhnb-0
-
ต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน โดยบินจากกรุงเทพไปลง กัวลาลัมเปอ(KL) และบินภายในประเทศต่อไปยัง รัฐซาบา(Sabah) ไปกลับก็เสียค่าตั๋ว ของ Air Asia ประมาณ 12,000 บาท เอ้า ไปก็ไป ทริปนี้เพื่อนจองที่พักให้บนเขา ตั้งแต่ปีที่แล้วโน้นนนนน ค่าเที่ยวเกือบๆ 20,000 บาท รวมเองละกันว่าเท่่าไหร่ ค่าอาหาร ก็ไม่แพงมากตอนไป 10.21 บาท เท่ากับ 1 ริงกิด
-
บินมาถึงรัฐซาบาประมาณ บ่ายๆ เวลาประเทศมาเลเซีย จะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชม. เหลือเวลาช่วงเย็น ก็เดินเล่นในเมืองกัน ที่นี่จะทำประมงเป็นหลัก มีท่าเรือด้วย
-
อาหารทะเลยมีให้เลือกเยอะแยะริมทะเล เดินจากที่พักนิดเดียว ที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักทุกคนสื่อสารได้หมดครับ
-
ปลาหมึกไข่่ย่าง
-
ไก่ย่าง ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม กับคนจีน แต่มุสลิมน่าจะเยอะกว่า
-
ไม่มีไรทำก็เลยนั่งเรือชมเกาะเล่นๆ นี้ก็คือลูกคนขับเรือพาเราเที่ยว
-
ที่เห็นเงาจางๆ นั่นละยอดเขาคินาบาลูล่ะ
-
มาดูใกล้ๆ สูงนะเนี่ย ;D
-
หมู่บ้านที่เกาะ ทำให้นึกถึง ปันหยี ที่ภาคใต้เรา
-
ยังนึกอยู่ว่าห้องน้ำ เป็นอย่างไร
-
ที่นี่จะมีโรงเรียน อาชีพหลักก็น่าจะจับปลา
-
มัสยิส กลางน้ำ
-
นกจะคอยจับปลากิน แสดงว่าน่าจะสมบูรณ์อยู่แถวนี้
-
ตอนเย็นๆ เด็กๆ จะเล่นน้ำกับขยะที่เกลื่อนไปทั้งเกาะ เดี๋ยวจะได้เห็น
-
มีศาลาริมน้ำ บรรยากาศดีเชียว ที่นี่จะต้องมีไกด์พาทัวร์นะครับ จะมีตำรวจคอยตรวจอยู่ก่อนขึ้นฝั่งว่า มีเสื้อชูชีพใส่ไหม พาไปไหน คนประเทศอะไร (เพราะมาเที่ยวที่นี่ไม่ต้องขอวีซ่า) น่าจะเป็นเหตุผลที่ต้องเคร่งครัด
-
สบายใจ ;D
-
ขยะ
-
และก็ขยะ
-
และก็ขยะ
-
ที่นี่นิยมเล่นวอลเล่ย์บอลกัน ... โซเดะ
-
แม้แต่เด็กยังเอาเชือกมาขึงเล่นกัน
-
ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ฐานเสียงของนักการเมืองคนนี้น่าจะแน่นหนา เห็นธงของพรรค เต็มเมืองไปหมด
-
เด็กๆ เห็นกล้องไม่ได้ เราเห็นเด็กก็อดไม่ได้เช่นกัน ... แชะ
-
กลับเข้าฝั่งมาแระ ที่นะท้องฟ้าสวยนะ
-
มีเรือประมง ที่นี่ฝนจะตกๆ หยุดๆ อากาศก็ร้อนนิดหน่อย
-
เป็นไงฟ้าสีแป๊ดดด มาก
-
สีไม่ต้องเพิ่มเล๊ย
-
แสงหมดท้องก็ร้อง เดินหาอะไรกินริมทะเล
-
น้ำจิ้มซีฟูดมาเล
-
ผักน่าจะเป็นพวกสาหร่ายทะเลย อร่อยดีเหมือนกัน
-
ผักเครื่องเคียง มีมะม่วง สาหร่าย และก็ยำปลา
-
จะเป็นตลาดคนจะเยอะ
-
ต้องรีบนอนเพราะว่าต้องตื่นเข้า และต้องเดินๆ อีกไกล ไว้เจอวันหลังนะ เดี๋ยวมาอัพต่อให้ดูกัน
-
ต้องรีบนอนเพราะว่าต้องตื่นเข้า และต้องเดินๆ อีกไกล ไว้เจอวันหลังนะ เดี๋ยวมาอัพต่อให้ดูกัน
ดูกำลังมันส์เลย กลับมาลงรูปอีกเยอะๆ น่ะ อยากชม จะกลับมาตามรอยคินาบาลูด้วยคนค่ะ ;D
-
ตื่นเช้าเตรียมตัวนั่งรถตู้ไปยังจุดปล่อยตัว ห่างจากตัวเมืองประมาณ 1.5 ชม มาถึงก็จะพบบบบบ
-
แม่เจ้าจะขึ้นไปถึงไหมนั่น และยอดไหนที่จะไป สับสนไปหมด
-
ตะลึงกับมันมาก :o
-
ที่นี่จะมีบริการลูกหาบ อัตราไป-กลับ กก.ละ 10 ริงกิด(100 บาท) จริงก็ไม่ต้องเอาไรไปมากหรอกเสื้อหนาวก็พอ น้ำก็ไม่ต้องอาบ
-
ผมก็เอาไปประมาณ 6 กก. แนะนำให้เอาอาหารแห้งไปด้วย เพราะอาหารที่เขาทำให้กินจะมันๆ และเน้นแป้งครับ เอาพวกน้ำพริก นรกไปด้วยจะแซ่บมาก
-
ก่อนเดินจะต้องมีการลงชื่อก่อน เพื่อที่จะได้พิมพ์ชื่อในใบประกาศ
-
ด้านหลังจะมีชื่อเราปรากฏ
-
เส้นทางการเดินมีให้เลือก 2 เส้นทาง มีที่จุดประตู Timpohon หรือ จะเลือกเริ่มเดินที่ประตู Mesilau แต่เราเลือกเริ่มเดินจากประตู Timpohon
-
จะบอกว่าเราจะต้องเดินรอบแรกระยะทางประมาณ 6 กม. เพื่อให้ถึงที่พักที่ชื่อว่า Laban Rata ทางชันตลอดไม่มีทางราบเลยนะ เมื่อยขามาก หลังจากนั้นก็จะพักก่อน แล้วตื่นตอนประมาณตี 2 เพื่อพิชิตยอด แล้วก็เดินกลับเลย และส่วนใหญ๋มักจะเลือกเดินกลับทาง Mesilau เส้นนี้เขาบอกว่ากล้วยไม้เยอะ วิวสวยกว่าเส้นที่ขึ้นมานะ
-
เริ่มต้นก็คึกคักถ่ายรูปกันใหญ๋
-
ช่วงเริ่มต้นต้นไม้จะสูงทึบเย็น ชื้นตลอดทาง และเราก็มาพบ ตัวนี้จำไม่ได้เรียกว่าไร ถ้าฝนตกก็จะออกมา
-
มันตั๊มเตี้ยมมาก
-
กระรอกจะมีเยอะมาก และจะคุ้นกับคน
-
นี่ก็อีกตัว
-
ชอบอะไรพวกดีไซด์ตามธรรมชาติล่ะ
-
อีกรูปนะ
-
พวกพืชที่ขึ้นตามความชื้นขึ้นเต็มผนัง
-
ไม่รู้เรียกว่าอะไรกัน
-
กุหลาบพันปีมีให้เห็นทั่วไป
-
ต้นนี้ท่าทางจะหนาวมาก
-
ต้นไม่แปลกๆ เยอะดีชอบ
-
ถ่ายกันใหญ๋ ;D
-
หยดน้ำมีให้ถ่ายเยอะ แยะ มิน่าละเขาแนะนำใครชอบถ่ายมาโครให้มาที่นี่
-
อันนี้กินได้ เปรี๊ยวมาก
-
เหมือนหน้าคนไหม
-
ตามทางจะมีห้องน้ำ และที่เติมน้ำให้เป็นระยะๆ ห่างกันประมาณ 1 กม. และก็จะมีป้าบบอกไว้ เป้าหมายวันนี้ต้องเดินถึงกม. 6 ซึ่งเป็นที่พัก เดินตั้งนาน ยังไม่เห็นป้าย กม. 1 เลย
-
พอเริ่มสูงขึ้น ต้นไม่ก็เริ่มเตี้ยลง ฝนก็เริ่มตก เนื่องจากมีสภาพเป็นเกาะทำให้มีฝนตกได้ตลอดเวลา
-
กล้วยไม่แบบนี้มีตลอดทาง
-
เริ่มมองเห็นยอดแล้ว
-
แต่ก็อีกไกลอ่ะ เหนื่อยแล้ว
-
ดอกไม้แบบนี้ก็เยอะเต็มไปหมด
-
เมื่อใกล้ถึงที่พักจะมีเสียงดัง ตอนแรกนึกว่าเสียงลม ที่ไหนได้เสียงน้ำตก แต่มองไม่เห็นนะ เริ่มมีฝอยลม
-
ต้นไม้ก็เริ่มเตี้ย ฝอยลมก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ
-
ในที่สุดก็มาถึงที่พัก แต่ถ่ายรูปไม่ได้ ไม่มีรมณ์ สรุป เดินตั้งแต่ 10 โมง ถึงที่พัก 6 โมงเย็น แม่เจ้า 8 ชม. ส่วนใหญ่เขาจะ 5-6 ชม.
-
ที่นี่จะจองที่พักยากมากต้องจองกันข้ามปี ที่นี่จะเตรียมอาหารเย็นไว้ให้เป็นแบบบุฟเฟ่ ต้องรีบกินและนอน เพราะต้องตื่นตี 2 เพื่อเดินขึ้นยอดอีก 2.5 กม. ห้องนอนจะเป็นห้องรวมประมาณ 4-10 คน น้ำมีน้ำอุ่นกับน้ำเย็น ผมไปตรวจสอบดู ไม่เห็นมีน้ำอุ่นตรงไหน
-
ตื่นตีสอง ด้วยความหงุดหงิด เพราะแพ้ความสูงนิดๆ ปวดหัวตุ๊บ ตื่นตีสองแล้วก็ให้กินแล้วใครจะกินลงล่ะ
-
สรุปก็ไม่กินไร เดินขึ้นเลย ต้องมีไฟฉายคาดหัวนะ ไม่ได้ถ่ายถ่ายยาก ทางเดินเขาก็ทำเป็นขั้นบันไดไว้ให้เดินง่าย แต่ว่าแต่ละขึ้นสูงมากเล่นเอาเมื่อย
-
ก่อนขึ้นถึงยอดจะมีจุด Check Point ด้วย
-
เอาไว้ตรวจสอบว่าใครผ่านขึ้นยอดมั่ง จะได้พิมพ์ใบประกาศให้ ใครไปไม่ถึงไม่ได้นะ และแล้วผมก็มาถึงยอด South Peak 3,933 ม. กม. 8 เรามักจะเห็นตามโปสกาสกัน
-
เขาก็มีชื่อเรียกกันแต่ละยอด ซ้ายมือยอด St. John's Peak 4,090.7 m ด้านขวา Low's Peak 4,095.2 m เป็นยอดที่สูงที่สุด
-
Donkey Ears 4,054 m
-
มาดูกันเต็มกับยอดสูงสุด จะเห็นคนบนยอดล่ะ
-
มีหมอกวิ่งผ่านตลอดเวลา ถ่ายแต่ละครั้งได้รูปแปลกตาไปทุกครัง
-
อีกรูปชอบอ่ะ ผมเดินไม่ถึงยอดสูงสุดนะ เวลาหมด เดินไม่ไหว ก็เลยได้ภาพที่ด้านล่างมาแทน
-
ลานหินกว้างใหญ่ไพศาล อ้อลึมบอกไปว่าเย็นมากประมาณ 3 องศาครับ กล้อง ขาต้้งกล้องเย็นมาก
-
ถึงเวลาอันควรก็เดินกลับล่ะ
-
ต้อง Check Point อีกครั้งว่าลงมายัง
-
โชว์บัตรครับ
-
วิวที่จุด Check Point
-
ตอนเดินกลับ มันสว่างจนมองเห็นไกลๆ เฮ้ยหน้ากลัวเหมือนกันนะ ขึ้นมาได้ไงเนี่ย
-
ตอนเดินจะมีเชือกให้เกาะเพราะว่าไม่มีไรให้เกาะ
-
ไกลเหมือนกันนะ คนที่มาเที่ยวที่เห็นส่วนใหญ่เป็นเอเซีย
-
ที่พักเห็นอยู่ด้านขวานะ
-
สวยเนอะ
-
อุณหภูมที่พักอ่านได้ประมาณ 8.5 องศา
-
เดี๋ยวพักกินข้าวก่อน จะมาอัพภาพริมทาง ดอกไม้กล้วยไม้ที่เขาว่ามีเยอะ จะมีจริงไหม
-
เดินลงแบบไม่เต็มใจ เมื่อยตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ก็อู้ด้วยการถ่ายรูปล่ะกัน
-
ดอกไรไม่รู้ ;D
-
นึกในใจ..เราอ่านที่เขาแนะนำไว้ให้ว่าจะมีดอกไม้เยอะแยะ.. ไม่เห็นจะเยอะตรงไหนเลย
-
เห็นอะไรก็รีบถ่าย เพราะกลัวจะไม่มีรูปตามริมทาง
-
ทำไมมันเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ ประหลาดดี
-
ก็ถ่ายกันไป
-
ไก่ย่าง ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม กับคนจีน แต่มุสลิมน่าจะเยอะกว่า
เรียงกันสวยงามเป็นระเบียบเชียว
-
ก็จะเหมือนๆ ในไทยล่ะ เคยเห็นตามยอดเขาในบ้านเรา
-
ดอกนี้ในไทยก็มีนะตามยอด
-
ชอบอันนี้แต่ถ่ายไม่ชัดเลย
-
อยากกิน แต่กินไม่ได้
-
ยอดอ่อนพวกไม้เลื้อยขึ้นเต็มสดชื่นมาก
-
ดอกนี้ก็มีเหมือนบ้านเรา ที่นี่เต็มไปหมด
-
ตอนลงเราได้เลือกลงทาง Mesilau ซึ่งจะแยกจากทางเดิมที่ กม. 4 แนะนำให้เดินเส้นนี้นะ มีน้ำตก กล้วยไม้ หม้อข้าวหม้อแกงลิง แต่...ไม่ได้เดินเพราะจะไปถึงข้างล่างช้า เลยต้องกลับทางเดิมเสียดายมาก
-
หม้อข้าวหม้อแกงลิง แบบเด็กๆ
-
อันนี้ตัวพ่อ ใหญ๋มากกก :o
-
และแล้วก็มาถึงประตู Timpohon 6 โมงเย็นเช่นเคย เหนื่อยมากเพราะเดินตั้งแต่ตี 2-6โมงเช้า มาดูกันแต่ละยอดเรียกว่าอะไรกันบ้าง
-
พร่งนี้จะพาไปดูลิงจมูกแดง และยาวนะ
-
และก็ขยะ
:o ขยะเยอะจริงๆ อ่ะ เสียบรรยากาศเลยนึ
-
สบายใจ ;D
คนดูรูป เห็นแล้วยิ้ม สบายใจจริงๆ ;D
-
แสงหมดท้องก็ร้อง เดินหาอะไรกินริมทะเล
อาหารทะเลตระการตาจริงๆ เลย
-
ชอบอะไรพวกดีไซด์ตามธรรมชาติล่ะ
ลีลาเลิศค่ะ
-
ไม่รู้เรียกว่าอะไรกัน
หน้าตามันดูแปลกๆ ดีน่ะ
-
อันนี้กินได้ เปรี๊ยวมาก
รูปนี้สวยดีอ่ะ ชอบๆ แสงกำลังงามเลย
-
ถ่ายกันใหญ๋ ;D
แนวนี้ก็ชอบ Art ตลอดๆ เลยน่ะค่ะ
-
ต้นนี้ท่าทางจะหนาวมาก
ชอบต้นนี้จัง หน้าตาเค้าหน้ารักดี ขนเยอะชะมัดเลย
-
ตอนเดินจะมีเชือกให้เกาะเพราะว่าไม่มีไรให้เกาะ
ท่าทางจะเดินยากน่าดูเลย
-
ยอดอ่อนพวกไม้เลื้อยขึ้นเต็มสดชื่นมาก
ชอบแนวนี้ของอภิชาติจริงๆ เลย สวยยยย
-
ตื่นเช้ามาก็ไปกินอาหารเช้ากันก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นพวกติ่มซัม อาหารจีน แต่ไม่รู้เหมือนกันนะว่าอาหารอิสลามกินกันตรงไหน
-
ก๊วยเตี๋ยว ปลา หมู เนื้อ น่าอร่อยนะ
-
ซาลาเปา ลูกละ 1.5 ริงกิด(15 บาท)
-
รถตู้ที่ใช้โดยสารระหว่างอยู่ที่นี่
-
ลืมบอกไป ลงมาจากยอดก็จะได้รับใบประกาศ
-
อิ่มแล้วก็ไปเลยไปดูลิงกัน แต่ว่านั่งรถนานประมาณ 3 ชม. เมื่อยนะเนี่ย ก็มีเรือรับเราล่องไปในลำน้ำ
-
มีหลายเจ้าพาเที่ยว
-
มาถึงก็จะมีการเตรียมตัวเล็กน้อย เขาบอกว่าหากโชดดีจะได้เห็นลิง ไปวันนี้ฝนก็ตก
-
เครื่องประดับตามเสา
-
ลิงถ่ายได้ไม่ค่อยชัดมันค่อนข้างมืด
-
กลัวจะไม่ได้เห็นแต่โชคดีเห็นหลายตัวเลยวันนี้
-
ลาละนะ โคตา คินาบาลูไว้เจอกันใหม่
-
จบทริปแล้ว ขอบคุณนะครับที่ติดตาม ;D
-
มาดูรูปตัวเมือง Kota Kinabalu มั่ง
-
ที่นี่จะทำประมงเป็นหลักมีท่าเรือด้วย
-
ตลาดก็มีทั้งของสด ของแห้เหมือนๆ บ้านเรา
-
คนไม่พลุ่กพล่าน ดี ล่ะ เดินห่างก็สบายๆ เดินตลาดก็สบาย
-
พวกผลไม้อร่อยนะ เพราะว่าฝนดี
-
จบแล้ว บ๊าย บาย :D