Hiking Thai
Hiking Thai => เที่ยวนอกบ้าน...นอกเมืองไทย => Topic started by: designbydx on ธันวาคม 12, 2015, 03:52:39 pm
ทริปเขมรดูปราสาทๆ ป่ะ(2 คน) 5-ธ.ค.-58 02.30 น. เจอกันหมอชิตใหม่(ก็คือคืนวันที่ 4 นะ อย่า งง) เดินทางรถสาย กทม-องค์รักษ์-ตลาดโรงเกลือ รอบ 03.30 น. บริษัทแอร์อรัญพัฒนา โทร 02-5123755 หรือ 037223238(209 บาท) 07.00 น. ตลาดโรงเกลือ หาข้าวกิน ซื้อน้ำ อย่าลืมซื้ออาหารกลางวันด้วย เตรียมหน้ากากอนามัยด้วย ยื่นเอกสารผ่านด่านตรวจ อย่าให้ใครช่วยแบกกระเป๋านะ หาแทกซี่เหมา (2500-300 บาท) ที่ตำแหน่ง 14 นาฬิกาของวงเวียน ให้ติดต่อกับเจ้าของแทกซี่เอง อย่าติดต่อผ่านนายหน้า เลือกคนที่พูดอังกฤษหรือไทยได้ 08.40 น. เดินทางสู่ปราสาทเตียฉมาร์(ไฮไลท์ที่ 1) อ.เสะเร็วโสพ็วน หรือศรีโสภณ จ.บันเตียเมียนเจย ค่าตั๋ว 5$ เดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชม. 30 นาที 11.30 น. ถึงปราสาท ชมภาพพระโพธิวัตว์อวโลกิเตศวร ปัจจุบันมี 2 ภาพ จาก 4(โดนขโมย) พระโพธิสัตว์อวโลกิ เตศวรล้อมด้วยวงกลม 11 วง และพระโพธิสัตว์อวโลกเตศวร 32 กร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที 16.00 น. เดินทางถึง รร.ที่พัก 16.30 น. เหมาตุ๊กๆ กันไปกลับประมาณ 5$ ไปซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทอังกอร์แบบ 3 วัน 40$ (อย่าลืมหน้ากาก, น้ำดื่ม) มีขึ้นบอลลูนชมอังกอร์มูมสูง 10 นาที 30$ ไปชมพระอาทิตย์ตกปราสาทพนมบาเค็ง(ไฮไลท์ที่ 2) (ควรถ่ายรูปรถ กับคนขับไว้เดี๋ยวจำไม่ได้)เดิน 30 นาที 19.00 น. ไปกินอาหารร้านดัง ร้านอังกอร์ปาล์ม ย่านผับสตรีท เดินเที่ยวไนท์มาเกต(หาซื้อซิมการ์ด บัตรเติมเงิน)6-ธ.ค.-58 07.00 น. กินอาหารเช้าโรงแรม(ค่าเหมาตุ๊กๆ 15$) 08.00 น. นัดรถตุ๊กๆ มารับ พร้อมหาเสบียงติตดัวระหว่างเที่ยว วันนี้ไปเที่ยว ปราสาทเมืองหริหราลัย อยู่ด้านตะวันออก(13กม.) แวะเที่ยวปราสาทเปรี๊ยะโก ดูรูปทวารบาลอสูร ที่ยังสมบูรณ์เกือบ 100% รวมอยู่ในตั๋วแล้ว ใช้เวลา 45 นาที 09.00 น. เที่ยวปราสาททรงพีรมิดที่ปราสาทบาโกง (ห่าง 10 นาที) รวมในตั๋วแล้ว ใช้เวลาเที่ยว 1 ชั่วโมง 10.00 น. เที่ยวปราสาทโลเลย ตรงข้าม ใช้เวลาเที่ยว 30 นาที รวมในตั๋วแล้ว อย่าลืมบริจาคให้วงดนตรีคนพิการด้วยนะ ต้องดูทับหลังของปราสาท, บานประตูหลอกขนาดใหญ่เลียนแบบไม้, รางไม้สำหรัทำพิธี 11.00 น. ออกเดินทางกลับเสียมเรียบ เพื่อไปชมปราสาทสมัยยโศธรปุระกัน 12.00 น. เที่ยวปราสาทเตียสำแร ห่างจากเสียมเรียบไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 20 กม. ราคาตั๋วรวมแล้ว ใช้เวลา 1 ชั่วโมง คล้ายปราสาทหินพิมาย ดูหีบปริศนา หน้าบันต่างๆ แวะกินข้าวที่หร้าปราสาทล่ะกัน 14.00 น. เที่ยวปราสาทแม่บุญตะวันออก ราคารวมในตั๋วแล้ว ใช้เวลาเที่ยว 1 ชั่วโมง ชมทับหลังหินสลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ 15.00 น. ชมภาพสลักบนอิฐเผาที่ประสาทกระวาน รวมอยู่ในตั๋ว ใช้เวลา 30 นาที เป็นปราสาทที่ไม่ได้สร้างโดยกษัตริย์ ลวดลายสลักทับหลังจะสมบูรณ์มาก, ภาพสลักพระวิษณุตรีวิกรม, พระวิษณุยืนท่ามกลางเหล่าเทวดา พระวิษณุทรงครุฑ พระลักษมีถือจักรและตรีศูล 16.30 น. ชมพระอาทติย์ตกที่ปราสาทแปรรูป รวมตั๋วแล้ว ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 18.00 น. แวะถ่ายรูปอังกอร์เปิดไฟตอนกลางคืน 18.30 น. แวะหาอะไรกิน แนะนำร้านเทมเปิลบาลโคนี มีระบำอัปสรา ซื้ออาหารเช้าเตรียมไว้กับน้ำ7-ธ.ค.-58 04.30 น. ตื่นๆ จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อังกอร์วัด(ไฮไลท์ที่ 3) อย่าลืมนัดตุ๊กๆ ไว้ตอนตี 5 ค่าตุ๊กๆ 30$ ใช้เวลาเที่ยว 1 ชั่วโมง เดินถ่ายรูประหว่างกลับ(มีเผื่อวันไว้หากวันนี้ไม่เป็นใจ) อังกอร์ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ถ้าถ่ายตอนเย็นจะย้อนแสง 07.30 น. มุ่งหน้าไปกบาลสะเปียน(ไฮไลท์ที่ 4) 48 กม. หน่าจากเสียมเรียบ ระหว่างทางมีของขายเพียบ 08.00 น. เดินขึ้นเขาไปชมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ค่าตั๋วรวมแล้ว เที่ยวประมาณ 2 ชม. รูปสลักพระวิษรุ รูปสลักศิวลึงค์ พรหระพรหม เต่า จระเข้ ฯลฯ มีน้ำตกเล็กๆ 12.00 น. กินข้าวที่กบาลสะเปียน กับข้าวได้ช้าเพราะใช้ฝืนทำอาหาร 13.00 น. ไปเที่ยวปราสาทบันเตียสะเรย(ไฮไลท์ที่ 5) รัตนชาติแห่งศิลปะขอม จุดเด่นมีความอ้อนช้อยของศิลปะ มีหินทรายสีชมพู ค่าตั๋วรวมแล้ว เที่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ตามหานางคาไรกัล อัมเมยาร์, นางอปสรา โมนาลิซาแห่งเอเชีย 15.00 น. เดินทางสู่อังกอร์วัด(ไฮไลท์ที่ 6) แวะเที่ยวสระสรง สระน้ำกษัตริย์ ขนาด 400*800 ม.ค่าตั๋วรวมแล้ว ใช้เวลา 15 นาที 15.30 น. ซัวซะเด็ยอังกอร์วัด ใช้เวลาจนถึงเย็นถ่ายแสงเย็นเลย พื้นที่ประมาณ 1219 ไร่ มีรูปนางอัปสรามากถึง 1700 องค์ อังกอร์วัดแบ่งเป็น 2 ส่วนคือตัวปราสาท และระเบียงคด ที่ต้องดู พระวิษณุสี่กร ถือตรี จักร สังข์ และคทาทรงครุฑ, มหากาพย์รามายณะ ตอนพระรามรบชนะทศกัณฐ์ ณ กรุงลงกา มหาภารตะยุทธที่ทุ่งกุรุเกษตรของอินเดีย, ทศกัณฐ์โยกเขาไกรลาส, ขบวนพยุหยาตรขบวบทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 นรกและสวรรค์, การกวนเกษียรสมุทร, ชัยชนะของพระวิษณุที่มีต่ออสูร, ชัยชนะของพระกฤษณะที่มีต่อท้าวราพณาสูร, สงครามระหว่างเทวดากับอสูร 19.00 น. มื้อค่ำที่ตลาดเก่า ถนน 9 แวะดื่มชิลๆ ที่ผับสตรีท8-ธ.ค.-58 08.00 น. นัดรถตุ๊กๆ มารับ พร้อมหาเสบียงติตดัวระหว่างเที่ยว วันนี้ไปเที่ยว เมืองพระนครหลวง อังกอร์ธม(ไฮไลท์ที่ 7) (วันสุดท้ายการใช้ตั๋ว) 12$ 08.30 น. เข้าชมปราสาทบายน ใช้เวลาเที่ยว 1 ชม. มีทั้งหมด 54 ยอดที่สลักเป็นภาพใบหน้าอยู่ทั้ง 4 ทิศ, พีระมิดแห่งอังกอร์ธม ยังไม่รู้ว่าเป็นหน้าใคร ชมปราสาทบาปวน อดีตที่ประดิษฐานศิวลึงค์ทองคำ ชมเขตพระราชวังหลวง, ปราสาทพมานอากาศ ศาสนสถานแห่งเมืองอังกอร์ธม ชมอดีตสถานที่สวนสนามกองทัพที่ลานช้าง, ลานพระเจ้าขี้เรื้อน 11.00 น. ไปเที่ยวปราสาทตาหรพม แวะถ่ายรูปสะเปียนทะมอ สะพานหินโบราณ อายุ 600 ปี สร้างข้ามแม่น้ำเสียมเรียบ แวะถ่ายรูปปราสาทตาแก้ว 12.00 น. พักเที่ยงกินข้าว 13.00 น. ปราสาทาตาพรหม(ไฮไลท์ที่ 8) ใช้เวลา 2 ชั่วโมง พบกับปราสาทที่มีรากต้นสะปงขนาดใหญ่ในเรื่อง ทูมไรเดอร์ ที่นี่มีห้องน้ำให้เข้า 15.00 น. แวะร้านของฝากท้องถิ่น ติดสระสรง 15.30 น. เที่ยวปราสาทเนียกปวน หรือปราสาทนาคพัน ใช้เวลา 30 นาที, ชมปราสาทกลางน้ำ 16.00 น. ปราสาทเปรี๊ยะคัน ประมาณ 1 ชม, อนุสรณ์แห่งชัยชนะ, แวะประตูผี, ประตูทิศเหนือ 17.00 น. แวะชิมอาหารที่ตลาดเก่า9-ธ.ค.-58 08.00 น. ไปแทกซี่ 100 กว่าโลไปเที่ยว อดีตราชธานีเกาะแกร์ ปราสาททรงพีระมิด 7 ชั้น ค่าเข้า 10$ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที ชมปราสาทลึงค์ ปราสาทอันดงกุก ปราสาทกระจับ ปราสาทชรับ ปราสาทเนียงเขมา ปราสาทพรัม 12.00 น. พักเที่ยงกินข้าว 13.00 น. เที่ยวปราสาทเบ็งเมเลีย นิทรานครแห่งเพชรพรุอุมา ค่าเข้า 5$ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15.30 น. เดินทางกลับ 17.00 น. ชิมบาบีคิวสไตล์กัมพูชา10-ธ.ค.-58 08.00 น. นัดตุ๊กๆ มารับ ไปชิมอหารเดอะซูปดรากอน ร้านอาหารเวียดนาม 09.00 น. มุ่งหน้าไปโตนเลสาบ(ไฮไลท์ที่ 9) ผ่านปราสาทพนมกรอม(เหมาะถ่ายพระอาทิตย์ตก เห็นวิวโตนเลสาบ) ไปซื้อตั๋วที่หมู่บ้านจงคะเนี้ยคนละ 20$ หรือไปซื้อตั๋วที่หมู่บ้านกำปงปล๊ก เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ 12.00 น. กลับสู่เสียมเรียบ หาข้าวกิน 13.00 น. ช๊อปปิ้งตลาดเก่า 14.00 น. เข้าชมพิพิธพัณฑสถานแห่งชาติอังกอร์ 17.00 น. ไปถ่ายพระอาทิตย์ตกที่ปราสาทพนมกรอม 19.00 น. ไปซื้อตั๋วกลับปอยเปต ปิดท้ายด้วยมื้อค่ำร้านคิมเชง ที่ตลาดเก่า11-ธ.ค.-58 08.00 น. เดินทางกลับ ค่าใช้จ่ายคนละ 14,000 บาท พักที่ Chhorvivorn Guest House 701 Street 06, Siem Reap Central Area, Siem Reap, Cambodia คนขับรถสามล้อพาเที่ยว บุญนี่ พูดไทย อังกฤษ ได้คล่องมาก ตอนแรกคาดหวังแค่อังกฤษได้ก็โอเค พูดไทยได้ยิ่งสะดวกเราใหญ่เลย พูดจาดีมากนะครับ อัธยาศัยดีมากๆ โทรติดต่อได้ที่ (โทรจากไทยไปเขมร +855883918389) หากใช้ซิมเขมร 0883918389VIDEO
กว่าจะเป็นกัมพูชา คร่าวๆ นะครับ (ลอกมาอีกเช่นเคย) 1. ยุคอาณาจักรฟูนัน พุทธศตวรรษที่ 6-14 2. ยุคอาณาจักรเจนละ 3.ยุคอาณาจักรขอม (พระเจ้าชัยวรมันที่ 2) ซึ่งเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเป็นศูนย์รวมลัทธิความเชื่อต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านศาสนา จนปรากฏเป็นเทวสถานอย่าง อังกอร์วัด หรือ นครวัด และอังกอร์ธม อาณาอยู่ได้ถึง 800 ปี 4. ยุคใต้การปกครองของสยาม จนถึงยุคใต้อาณานิคมฝรั่งเศส(พระเจ้าชัยวรมันที่ 7) 5.ยุคสงครามกลางเมือง ถึงปัจจุบัน
กลุ่มปราสาทแบ่งตามราชธานีมี 5 ราชธานีได้แก่ 1. ราชธานีหริหราลัย 2. ราชธานียโศธรปุระ 3. ราชธานีเมืองพระนคร หรืออังกอร์ 4. ราชธานีเมืองพระนครหลวง หรืออังกอร์ธม 5. ราชธานีโฉกครรคยาร์
เริ่มต้นเดินทางกันเลยครับ อ้อทริปนี้ไป 2 คนนะครับ จองโรงแรมผ่านอโกด้าไว้ 6 คืน วันที่ 1 นัดเจอกับน้องอีก 1 คน เจอกันหมอชิตใหม่เดินทางรถสาย มาให้ทันรถ กทม-องค์รักษ์-ตลาดโรงเกลือ รอบ 03.30 น. บริษัทแอร์อรัญพัฒนา ซึ่งหากมีเทศกาล จะไม่เปิดให้จองล่วงหน้านะครับ กะว่าไปเช้าที่ปอยเปตเลย หลังจากนั้นจะหาแทกซีเหมาเพื่อไปเที่ยวปราสาทเตียฉมาร์(ไฮไลท์ที่ 1) อ.เสะเร็วโสพ็วน หรือศรีโสภณ จ.บันเตียเมียนเจย ค่าตั๋ว 5$ ข้อแนะนำ เขาบอกว่าอย่าเรียกรถที่ด่าน เพราะจะต้องผ่านนายหน้า ซึ่งราคาจะสูง เขาแนะนำให้เดินไปที่หอนาฬิกา ก็คือเดินตรงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอล่ะ แล้วเราก็ติดต่อผ่านเจ้าของแทกซีเอง จะได้ราคาที่ถูกว่า อีกอย่างเอาคนขับที่พูดไทย หรืออังกฤษได้นะครับ ไม่งั้น รมณ์เสีย รถแทกซี่ที่นี่ใช้ แคมรี่ โตโยต้านะครับ หรูหราเชียว แต่เติมแกสนะครับ ไม่ใช่น้ำมัน และก็ไม่ค่อยล้างรถ นั่งๆ เดี๋ยวก็รู้ว่าทำไม
ที่ต้องนั่งแทกซี่เพราะมันไกลนะครับ
รถแทกซี่ที่นี่บรรทุกได้เยอะอยู่นะครับ
สิ่งที่น่าสนใจของปราสาทนี้คือ ภาพพระโพธิวัตว์อวโลกิเตศวร ปัจจุบันมี 2 ภาพ จาก 4(โดนขโมย) พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรล้อมด้วยวงกลม 11 วง และพระโพธิสัตว์อวโลกเตศวร 32 กร ทาเข้าปราสาทประมาณนี้
ทางเข้าอีกด้าน ปราสาทที่นี่นิยมสร้างแบบสมมาตรกัน เดินไปๆ ก็จะเหมือนๆ กัน
ฟิตๆ เจออะไรก็ถ่ายหมด 555
อีกรูป
ส่วนใหญ่ภาพที่สมบูรณ์ก็ถูกบูรณะขึ้นใหม่นะครับ ด้านบนที่มีลวดลาย เขาเรียกว่า ทับหลัง นะครับ
มาดูส่วนประกอบๆ ต่างๆ ของปราสาทกันก่อน
และแล้วก็มาถึงจุดสนใน ภาพพระโพธิวัตว์อวโลกิเตศวร ปัจจุบันมี 2 ภาพ จาก 4(โดนขโมย) พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรล้อมด้วยวงกลม 11 วง และพระโพธิสัตว์อวโลกเตศวร 32 กร
ซูมมาที่มือ เห็นป่าวววว งานละเอียด
อีกอันเป็นศิลปนูนต่ำการทำสงครามระหว่างเจนละ กับจำปา
อีกภาพ
ที่นี่ก็มีต้นสะปงยักษ์เหมือนกัน กว่าจะเดินรอบก็เป็นชั่วโมงนะครับ
หมดแระ 555 นั่งรถมาตั้งนาน จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยัง จ.เสียมเรียบทันที เท่าที่จะทำได้ เราก็ถามคนขับว่ามีรถตุ๊กๆ ไหมเขาบอกว่ามีเพื่อน พอดีเลย พูดอังกฤษได้ ไปถึงเขาก็รับเราต่อเลย พาไปเช็คอินที่โรงแรมที่นี่ (2ดาวนะครับ) Chhorvivorn Guest House 701 Street 06, Siem Reap Central Area, Siem Reap, Cambodia พักทั้งหมด 6 คืน 4042 บาท (2คนนะครับสะอาดอยู่ ไม่รวมอาหารเข้า )
ที่เลือกตรงนี้เพราะ ไม่พลุกพล่านมาก และก็เดินไปตลาดเก่า และก็ Pub street 5 นาทีก็ถึงแระ
จากนั้นเราก็มาคุยโปรแกรมว่าแต่ละวันจะไปไหนบ้าง มานัดรับกี่โมงประมาณนั้น คุยเสร็จ ก็ไปซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทไว้ก่อนเราเลือกแบบตั๋ว 3 วัน 40 เหรียญ รูปด้านล่างรถตูีกๆ สีแดง ใหม่เอี่ยม ถูกใจม๊ากกก
อันนี้แนะนำเลยนะครับ บุญนี่ พูดไทย อังกฤษ ได้คล่องมาก ตอนแรกคาดหวังแค่อังกฤษได้ก็โอเค พูดไทยได้ยิ่งสะดวกเราใหญ่เลย พูดจาดีมากนะครับ อัธยาศัยดีมากๆ โทรติดต่อได้ที่ (โทรจากไทยไปเขมร +855883918389) หากใช้ซิมเขมร 0883918389 ปล.ซิมเขมร 100 บาท เติมเงินครั้งละ 1 ดอลล่าก็พอ ผมไปเติมหมดไป 2 ดอลล่า(ไม่ได้โทรกลับไทยนะครับ เอาไว้โทรตามรถ กับสอบถามอะไรบางอย่างแค่นั้น เนตก็เล่นไวไฟโรงแรมครับ)
หน้าตาตั๋วเป็นแบบนี้นะครับ
มีขึ้นบอลลูนชมอังกอร์มูมสูง 10 นาที 30$ ด้วยนะครับ แต่เราเลือกไปที่นี่ไปชมพระอาทิตย์ตกปราสาทพนมบาเค็ง(ควรถ่ายรูปรถ กับคนขับไว้เดี๋ยวจำไม่ได้)เดิน 30 นาที ก็ถึงจุดชมวิว เอ่อ...คนมาจากไหนอ่ะ
วิวที่นี่ก็จะมองเห็นอังกอร์วัดด้วย แต่ขึ้นไม่ได้คนเต็มอ่ะ
พอ 17.30 น. ปั๊บ ไล่ลงละครับ ไรเนี่ยยยย เซ็งไปหาไรกินดีกว่า ตุ๊กๆ ก็มาส่งที่ร้านอกหารสักที่ ที่ไหนก็ได้ตอนนี้หิวเต็มที่ มาก่อนเลย ลกลัก
ตามด้วยลาบเขมร
อีกอย่างจำไม่ได้แระ หิว อร่อยหรือหิวไม่รู้ ตอบไม่ถูก 5555 สายใจ ไปนอนแระ พรุ่งนี้เจอกัน
วันที่ 2 เริ่มเที่ยวเลยตอน 08.00 น.นัดรถตุ๊กๆ มารับ พร้อมหาเสบียงติตดัวระหว่างเที่ยว วันนี้ไปเที่ยว ปราสาทเมืองหริหราลัย อยู่ด้านตะวันออก(13กม.) 1.ที่ยวปราสาทเปรี๊ยะโก ดูรูปทวารบาลอสูร ที่ยังสมบูรณ์เกือบ 100% รวมอยู่ในตั๋วแล้ว 2.ปราสาทบาโกง (ห่าง 10 นาที) รวมในตั๋วแล้ว ใช้เวลาเที่ยว 1 ชั่วโมง 3.เที่ยวปราสาทโลเลย ตรงข้าม ใช้เวลาเที่ยว 30 นาที รวมในตั๋วแล้ว อย่าลืมบริจาคให้วงดนตรีคนพิการด้วยนะต้องดูทับหลังของปราสาท, บานประตูหลอกขนาดใหญ่เลียนแบบไม้, รางไม้สำหรัทำพิธี 4.ออกเดินทางกลับเสียมเรียบ เพื่อไปชมปราสาทสมัยยโศธรปุระกัน 5.ปราสาทเตียสำแร ห่างจากเสียมเรียบไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 20 กม. ราคาตั๋วรวมแล้ว ใช้เวลา 1 ชั่วโมง คล้ายปราสาทหินพิมาย ดูหีบปริษนา หน้าบันต่างๆ 6. เที่ยวปราสาทแม่บุญตะวันออก ราคารวมในตั๋วแล้ว ใช้เวลาเที่ยว 1 ชั่วโมง ชมทับหลังหินสลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ 7. ชมภาพสลักบนอิฐเผาที่ประสาทกระวาน รวมอยู่ในตั๋ว ใช้เวลา 30 นาที เป็นปราสาทที่ไม่ได้สร้างโดยกษัตริย์ ลวดลายสลักทับหลังจะสมบูรณ์มาก, ภาพสลักพระวิษณุตรีวิกรม, พระวิษณุยืนท่ามกลางเหล่าเทวดา พระวิษณุทรงครุฑ พระลักษมีถือจักรและตรีศูล 8. ชมพระอาทติย์ตกที่ปราสาทแปรรูป รวมตั๋วแล้ว ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 9. ดูระบำอัปสรา แน่น และเหนื่อยวันนี้ 5555
1.ที่ยวปราสาทเปรี๊ยะโก ดูรูปทวารบาลอสูร ที่ยังสมบูรณ์เกือบ 100% รวมอยู่ในตั๋วแล้ว ปราสาทนี้จะเล็กๆ นะครับ
ยุคของศิลปะแบบเปรี๊ยโก คือ พ.ศ.1420-1440 นอกจากเป็นยุคที่เริ่มนำหินทรายมาสร้างแล้ว ยังเด่นในเรื่องสลักลวดลายอย่างอ่อนช้อย งดดงาม...อย่างนั้นเลย ที่เห็นหมอบอยู่คือ โคนนที
เขาบอกว่าส่วนใหญ่เป็นลายแบบพวงมาลัยม้วนดอก โดยมีตอนปลายเป็นรูปนาค หรือ มกร(ตัวสำรอก) เป็นสัตว์ในวรรณคดี ลวดลายของทับหลังเรียกว่า ลายบัวขาบ
ถ้าในไทยก็จะพบได้ที่ปราสาทหินโดนกู่ และปราสาทหินพนมวัน ในจังหวัดนครราชสีมา
2.ปราสาทบาโกง (ห่าง 10 นาที) รวมในตั๋วแล้ว ใช้เวลาเที่ยว 1 ชั่วโมง เขาบอกว่าเป็นปราสาททรงพีระมิด(ไม่รู้ดูยังไงเหมือนกัน)
ด้านหน้าทางเข้า
ในอดีตปราสาทแห่งนี้ มีกำแพงล้อมรอบถึง 3 ชั้น ทั้งมีคูน้ำล้อมรอบอีกชั้น เป็นศาสนประจำรัชกาลของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1
ช่างจากฝรั่งเศสชื่อว่า มอริช เกซ มาช่วยบูรณะตั้งแต่ปี พ.ศ 2473
มีวัดบาโกงตั้งอยู่ข้างๆ ด้วย
ปราสาทประธานด้านบน
ร้อนมากพักร้อนในร่มว่างๆ สักหน่อยอีกรูปละกัน
3.เที่ยวปราสาทโลเลย ตรงข้าม ใช้เวลาเที่ยว 30 นาที รวมในตั๋วแล้ว อย่าลืมบริจาคให้วงดนตรีคนพิการด้วยนะต้องดูทับหลังของปราสาท, บานประตูหลอกขนาดใหญ่เลียนแบบไม้, รางไม้สำหรัทำพิธี เล็กๆ เหมือนกันครับ
ปราสาทโลเลย เพี้ยนมาจากคำว่า ราลัย ซื่งเป็นชื่อเมือง หริหราลัย ด้วยความเร่งรีบในการสร้างทำให้ไม่แข็งแรงมากนัก เขาว่างั้นนะ
มีวัดอยุ่ข้างๆ ด้วย
4.ออกเดินทางกลับเสียมเรียบ เพื่อไปชมปราสาทสมัยยโศธรปุระกัน 5.ปราสาทเตียสำแร ห่างจากเสียมเรียบไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 20 กม. ราคาตั๋วรวมแล้ว ใช้เวลา 1 ชั่วโมง คล้ายปราสาทหินพิมาย ดูหีบปริศนา หน้าบันต่างๆ
สร้างสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
หีบปริศนา คาดว่าาน่าจะเป็นโลงบรรจุศพในท่านั่ง ส่วนตรงกลางหีบยังมีรูไว้สำหรับระบายน้ำเหลืองด้วย
ปราสาทจะแคบๆ อึดอัดๆ ถ่ายรูปยากเหมือนกัน เหมือนปราสาทหินพิมายไหมครับ
ลายหน้าบัน
ลายหน้าบัน อันอลังการที่สุด
กำแพงด้านใน น่าจะถูกบูรณะมาแล้วนะ ดูใหม่ๆ
ภาพวาดที่นี่นิยมสีจัดๆ
6. เที่ยวปราสาทแม่บุญตะวันออก ราคารวมในตั๋วแล้ว ใช้เวลาเที่ยว 1 ชั่วโมง ชมทับหลังหินสลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
ช้างเอราวัณ มีทุกมุมปราสาท เลือกเอาตัวสวยๆ ถ่าย
ปราสาทแม่บุญตะวันออก (มีปราสาทแม่บุญตะวันตกด้วยนะครับ แต่ไม่ได้ไป) สร้างโดยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 สร้างเพื่อถวายให้บรรพบุรุษ
หลังจากทรงย้ายราชธานี้จากเมือง โฉกครรคยาร์ หรือ เกาะแกร์ มายังเมืองพระนครอีกครั้ง
7. ชมภาพสลักบนอิฐเผาที่ประสาทกระวาน รวมอยู่ในตั๋ว ใช้เวลา 30 นาที เป็นปราสาทที่ไม่ได้สร้างโดยกษัตริย์ ลวดลายสลักทับหลังจะสมบูรณ์มาก, ภาพสลักพระวิษณุตรีวิกรม, พระวิษณุยืนท่ามกลางเหล่าเทวดา พระวิษณุทรงครุฑ พระลักษมีถือจักรและตรีศูล
ตัวปราสาทมีแค่นี้ แต่จะบอกว่าด้านในสวยมากนะ ปราสาทนี้ไม่ได้สร้างโดยกษัตริย์ แต่นร้างโดย มหิธวรมัน ขุนนางเอกซึ่งได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย จากพระจ้ายโศวรมันที่ 1 เป็นอย่างมาก
ทับหลังที่เห็นเรียกว่า ทับหลังเกาะแกร์ ภาพด้านซ้ายมือ เรียกว่า ทวารบาล ที่มีท่อนพวงมาลัยโค้งแอ่นลงมาแตกตกแต่งด้วยลายใบไม้ตรงกลาง ภาพทาด้านซ้ายมือ ทวารบาล ผู้ชายนุ่งผ้าสั้นและสวมมงกุฏด้วย
ภาพสลักด้านใน พระวัษณุตรีวิกรม(ภาพซ้าย)
ภาพสลักพระวิษณุยืนท่ามกลางเหล่าเทวดา
พระวิษณุทรงครุฑ
ภาพสลักพระลักษมีอถือจักร และตรีศูล
เก็บหมดทุกด้าน 10 มม. เอาไม่หมดล่ะ
8. ชมพระอาทติย์ตกที่ปราสาทแปรรูป รวมตั๋วแล้ว ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
มานั่งรอตั้งนานฟ้าปิด อีกอย่าง วิวก็เฉยๆ นะ ไม่แนะนำเท่าไหร่พระอาทิตย์ตกที่นี่
ปราสาทแปรรูปนี้ สร้างโดยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ได้สร้างเพื่อถวายให้กับบรรพบุรุษ บรรพสตรี และเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ "ราเชนทรภัทเรศวร" ฐานที่เห็นในรูป เป็นฐานพีระมิตขั้น 2 มีแท่นหินขนาดเท่าคนนอน ที่เชื่่อกันว่าในสมัยก่อนมีไว้สำหรับเผาศพ ก่อนนำกระดูกกลับมาเรียงต่อกันเป็นโครงร่างคนอีกครั้ง ในตอนรู่งเช้า โดยพิธีกรรมนี้เรียกว่า "แปรรูป" เป็นชื่อที่มาของปราสาท...เขาว่างั้น
9. ดูระบำอัปสรา มีหลายร้านนะครับ ก็ลองให้ตุ๊กๆ แนะนำก็ได้ มาแล้วก็ดูสักหน่อยว่าเป็นอย่างไร จะมหลายชุดแต่ละชุดจะมีชื่อเรียกต่างๆ นาๆ กันไป เช่น รำถวายพระพร ระบำกะลา ระบำอัปสรา ระบำนกยูง
ขอชิมเบียร์อังกอร์สักหน่อย
บรรยากาศตอนกลางคืนที่ PUB Street
วันที่ 3 1.ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อังกอร์วัด แล้วไปต่อเลย จะวกกลับมาที่พักไม่ได้มันไกล 2. มุ่งหน้าไปกบาลสะเปียน เดินขึ้นเขาไปชมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ค่าตั๋วรวมแล้ว เที่ยวประมาณ 2 ชม. รูปสลักพระวิษรุ รูปสลักศิวลึงค์ พรหระพรหม เต่า จระเข้ ฯลฯ มีน้ำตกเล็กๆ 3. ไปเที่ยวปราสาทบันเตียสะเรย รัตนชาติแห่งศิลปะขอม จุดเด่นมีความอ้อนช้อยของศิลปะ มีหินทรายสีชมพู ค่าตั๋วรวมแล้ว เที่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ตามหานางคาไรกัล อัมเมยาร์, นางอปสรา โมนาลิซาแห่งเอเชีย 4. เดินทางสู่อังกอร์วัด(ไฮไลท์ที่ 6) แวะเที่ยวสระสรง สระน้ำกษัตริย์ ขนาด 400*800 ม.ค่าตั๋วรวมแล้ว ใช้เวลา 15 นาที 5. ซัวซะเด็ยอังกอร์วัด ใช้เวลาจนถึงเย็นถ่ายแสงเย็นเลย พื้นที่ประมาณ 1219 ไร่ มีรูปนางอัปสรามากถึง 1700 องค์ อังกอร์วัดแบ่งเป็น 2 ส่วนคือตัวปราสาท และระเบียงคด ที่ต้องดู พระวิษณุสี่กร ถือตรี จักร สังข์ และคทาทรงครุฑ, มหากาพย์รามายณะ ตอนพระรามรบชนะทศกัณฐ์ ณ กรุงลงกา มหาภารตะยุทธที่ทุ่งกุรุเกษตรของอินเดีย, ทศกัณฐ์โยกเขาไกรลาส, ขบวนพยุหยาตรขบวบทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 นรกและสวรรค์, การกวนเกษียรสมุทร, ชัยชนะของพระวิษณุที่มีต่ออสูร, ชัยชนะของพระกฤษณะที่มีต่อท้าวราพณาสูร, สงครามระหว่างเทวดากับอสูร
ทัวร์ล้นหลามมากมาย น้ำในสระมีน้อยเนื่องจากเป็นหน้าหนาว ถ้าหน้าฝนคงจะแจ่ม คนเยอะไม่ไหวเลยมาอีกด้านนึง
2. มุ่งหน้าไปกบาลสะเปียน เดินขึ้นเขาไปชมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ค่าตั๋วรวมแล้ว เที่ยวประมาณ 2 ชม. รูปสลักพระวิษรุ รูปสลักศิวลึงค์ พรหระพรหม เต่า จระเข้ ฯลฯ มีน้ำตกเล็กๆ (หลับแล้วหลับอีกก็ยังไม่ถึงสักที)
หลังจากถ่ายภาพเสร็จเช้านี้ก็แวะหาอะไรกินแถวๆ นั้นล่ะมีขาย รถเข็น หรือจะเป็นร้านอาหารก็มี มาต่อกันเลยดีกว่า มาถึงก็อ่อ เดินครับเดินประมาณ 1.5 กม. แต่ก็เดินง่ายอยู่
ที่ทางเข้าจะมีสวนสัตว์ด้วยนะครับ แต่ไม่ได้เข้าไป เดี๋ยวไม่มีแรงเดินเอาเป้าหมายหลักก่อนครับ บอกแล้วว่าเดินง่าย ทางยากก็มีบันไดให้
กบาลสะเปียน แปลว่า หัวสะพาน เป็นแนวก้อนหินใหญ่ตามธรรมชาติที่มีรูปร่างคล้ายสะพาน ถูกค้นพบและนำเสนอโดย ปอลบัวลิเย พ.ศ.2511 จากนั้นจึงตั้งชื่อว่า the river of a thousand lingas หรือลำธานแห่งศิวลึงค์นับพันองค์ ภาพด้านล่าง คือ ศิวลึงค์เรียงตัวเป็นรูปดอกไม้
พระวิษณุอนันตศายิน
พระศิวะ และพระอุมาทรงโคนนที(ภาพด้านขวา)
รูปสลักพระวิษณุอันตศายิน
พระพหรม
ศิวลึงค์ขนาดใหญ่
เดินกลับแล้ว ระหว่างทางจะเจอ รูปสลักศิวลึงค์ ล้อมฐานโยนี
รูปสลักเต่า
เรียกไรไม่รู้
มีน้ำตก
รูปสลักพระศิวะกับพระอุมาทรงโคนนที
พระวิษณุ 8 กร
ศิวลึงค์เยอะแยะที่นี่ คำถามว่ามันคืออะไร ครั้งหนึ่งขณะที่พระศิวะกับพระแม่อุมากำลังเสพสมกันในวิหารบนเขาไกรลาส ได้มีเหล่าเทวดาแผ่นมาเห็นเข้า จึงนำไปวิพากษ์วิจารณ์จนเกิดความเสื่อมศรัทธาต่อพระศิวะ ด้านพระศิวะเองรู้สึกอับอาบและโมโหเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ประกาศให้อวัยวะเพศชายเปรียบเสมือนตัวแทนพระองค์ โดยให้ดวงพระทัย และดวงพระวิญญาณสถิตอยู่ในศิวลึงค์ เพื่อคุ้มครองให้โชคแก่ผู้ที่สักการบูชาด้วย และนับจากนั้นเป็นต้นมาไม่ว่ามนุษย์ ฤาษี หรือ แม้กระทั้งเหล่าเทวดาจึงพากันบูชาศิวลึงค์ สำหรับวิธีบูชาศิวลึงค์สามารถทำได้โดย ตักน้ำมนต์รดลงไปบนแท่นศิวลึงค์ ให้ใหลผ่านฐานโยนีรูปทรงสี่เหลี่ยมอันเป็นตัวแทนพระอุมา ก่อนจะไหลผ่านท่อโสมสูตรที่รองน้ำมนต์จากกาสักการบูชาศิวลึงค์ลงไปยังภาชนะที่เตรียมไว้(เท่านี้ก็ถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว) ส่วนอีกวิธีเพียงนำใบมะตูมจุ่มลงไปในน้ำมนต์ จากนั้นนำไปพรมบนศิวลึงค์ก็จะได้น้ำศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน (เนื่องจากเชื่อว่าใบมะตูมเป็นใบไม้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีรูปร่างเป็นสามแฉกคล้ายกับตรีศูลของพระศิวะ) ภาพด้านล่างตัวอย่างศิวลึงค์ พร้อมฐานโยนี ที่มีสภาพสมบูรณ์
3. ไปเที่ยวปราสาทบันเตียสะเรย รัตนชาติแห่งศิลปะขอม จุดเด่นมีความอ้อนช้อยของศิลปะ มีหินทรายสีชมพู ค่าตั๋วรวมแล้ว เที่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ตามหานางคาไรกัล อัมเมยาร์, นางอัปสรา โมนาลิซาแห่งเอเชีย มรดกโลก ปี 1992
"บันเตียสะเรย" แปลว่า ป้อมแห่งสตรี สาเหตุเนื่องจากลวดลายที่อ้อนช้อยตามจุดต่างๆ สร้างโดยพราหมณ์เชื้อสายกษัตริย์ชื่อว่า ยัชญวราหะ ในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5
ดูแล้วถูกบูรณะใหม่เกือบทั้งหมดนะครับ ทุกอย่างดูแล้วเป็นของใหม่ ภาพด้านล่างคือ หน้าบันพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
เขาบอกว่า จุดสังเกตุอีกอย่างคือ ตัวปราสาท ที่สร้างอยู่บนเนินดิน ทำให้ดูเตี้ยกว่าปราสาทอื่นๆ ที่สร้างโดยกษัตริย์ (เพื่อไม่ให้ลบหลู่นั่นเอง)
วิวด้านนอก
ทวารบาลสตรี(โมนาลิซาเอเซีย)
หน้าบันนรสิงห์จิกอกยักษ์หิรัญยกศิปุ
ตัวปราสาทด้านใน หน้าบันเขาบอกว่ามีมีภาพของ นางคาไรก์กัล อัมเมยาร์
ทวารบาล น่ากลัวนะ
ดูเหมือนทำมาใหม่นะ
หน้าบันรามเกียรติ์ ตั้งอยู่บันพื้น
ทวารบาล
หน้าบันกามเทพโก่งคันศรใส่พระศิวะ
ลวดลายบนเสาประตู
4. เดินทางสู่อังกอร์วัด(ไฮไลท์ที่ 6) แวะเที่ยวสระสรง สระน้ำกษัตริย์ ขนาด 400*800 ม.ค่าตั๋วรวมแล้ว ใช้เวลา 15 นาที
5. ซัวซะเด็ยอังกอร์วัด ใช้เวลาจนถึงเย็นถ่ายแสงเย็นเลย พื้นที่ประมาณ 1219 ไร่ มีรูปนางอัปสรามากถึง 1700 องค์ อังกอร์วัดแบ่งเป็น 2 ส่วนคือตัวปราสาท และระเบียงคด ที่ต้องดู พระวิษณุสี่กร ถือตรี จักร สังข์ และคทาทรงครุฑ, มหากาพย์รามายณะ ตอนพระรามรบชนะทศกัณฐ์ ณ กรุงลงกา มหาภารตะยุทธที่ทุ่งกุรุเกษตรของอินเดีย, ทศกัณฐ์โยกเขาไกรลาส, ขบวนพยุหยาตรขบวบทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 นรกและสวรรค์, การกวนเกษียรสมุทร, ชัยชนะของพระวิษณุที่มีต่ออสูร, ชัยชนะของพระกฤษณะที่มีต่อท้าวราพณาสูร, สงครามระหว่างเทวดากับอสูร
ภาพสลักมากมายจริงๆ
มุมนี้ชอบเลยจัดมาให้ชมกัน
ประติมากรรมรูปเคารพ 8 กร กรหายไปไหนหมด
มาดูอันสมบูรณ์กัน
นางอัปสรา
นางอัปสรายิ้มเห็นฟัน มีองค์เดียวนะครับ
พระวิษณุอวตาร
มหาภารตะยุทธ
ยามเย็น มีบริการบอลลูหน้าปราสาทด้วยครับ
นางอัปสรามีทุกที่จริง เขาบอกว่ามีทั้งหมด 1700 องค์เลยทีเดียว
ขบวนพยุหยาตรากองทัพพระเจ้าชัยวรมันที่ 2
เรามาช้า หมดเวลา ก็เลยต้องออกไปก่อน ปิดท้ายด้วยภาพนี้แทน
วันที่ 4 1. วันนี้ไปเที่ยว เมืองพระนครหลวง อังกอร์ธม(ไฮไลท์ที่ 7)(วันสุดท้ายการใช้ตั๋ว) เข้าชมปราสาทบายน ใช้เวลาเที่ยว 1 ชม. มีทั้งหมด 54 ยอดที่สลักเป็นภาพใบหน้าอยู่ทั้ง 4 ทิศ, พีระมิดแห่งอังกอร์ธม ยังไม่รู้ว่าเป็นหน้าใคร ชมปราสาทบาปวน อดีตที่ประดิษฐานศิวลึงค์ทองคำ ชมเขตพระราชวังหลวง, ปราสาทพมานอากาศ ศาสนสถานแห่งเมืองอังกอร์ธม ชมอดีตสถานที่สวนสนามกองทัพที่ลานช้าง, ลานพระเจ้าขี้เรื้อน 2. ถ่ายรูปสะเปียนทะมอ สะพานหินโบราณ อายุ 600 ปี สร้างข้ามแม่น้ำเสียมเรียบ แวะถ่ายรูปปราสาทตาแก้ว 3. ปราสาทเปรี๊ยะคัน ประมาณ 1 ชม, อนุสรณ์แห่งชัยชนะ, แวะประตูผี, ประตูทิศเหนือ 4.เที่ยวปราสาทเนียกปวน หรือปราสาทนาคพัน ใช้เวลา 30 นาที, ชมปราสาทกลางน้ำ 5. ปราสาทาตาพรหมใช้เวลา 2 ชั่วโมง พบกับปราสาทที่มีรากต้นสะปงขนาดใหญ่ในเรื่อง ทูมไรเดอร์ ที่นี่มีห้องน้ำให้เข้า
เรื่องเล่าพระนครหลวง แต่เดิมอังกอร์ธมเคยเป็นเมืองที่ถูกลืมเหมือนปราสาทอื่นๆ จนกระทั่ง พุทธศตวรรษที่ 19 นักธรรมชาติชาวฝรั่งเศษ ออรี มูโอต์ ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับศาสนต่างๆ ในอังกอร์วัด จนเป็นที่รู้จักแพร่หลายในเวลาต่อมา อังกอร์ธมถูกสร้าง ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 มีความหมายถึง นครใหญ่ หรือ นครหลวง (เพี้ยนมาจากคำว่า โนโกธม เช่นเดียวกับอังกอร์วัดนั่นเอง) ปราสาทแรกเลยครับ ปราสาทบายน
รูปหน้าที่สลักยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นหน้าใคร
คำว่า บายน สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า บายันต์ ซึ่งหมายถึง วิมานของพระอินทร์ ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ขึ้นครองราชย์ 10 ปี เหตุผลที่สร้างเชื่อกันว่าเพื่อให้พระองค์เสมือนเป็นภาคหนึ่งของพระพุทธเจ้าที่เสด็จมาประทับที่นี่
ปราสาทบายนเป็นปราสาทขนาดใหญ่หลังสุดท้ายของอณาจักรขอม หินที่ใช้สร้างมีคุณภาพต่ำเขาบอกว่าช่างต้องทำงานอย่างเร่งรีบทำให้แต่ละใบหน้าจึงไม่เหมือนกัน และเทคนิคการสร้างไม่ใช้วิธีการเหลื่อมหินอย่างอังกอร์วัด ปราสาทจึงไม่แข็งแรง
เดิมปราสาทมี 54 ยอด แต่ได้พังถล่มลงมาเหลือเพียง 50 ยอด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีใบหน้าให้ชมถึง 200 หน้า
ที่พิเศษอีกอย่างคือ ปราสาทได้ถูกออกแบบมาเป็นลักษณะทรงกลม ต่างจากปราสาทอื่นๆ และไม่มีกำแพงล้อมรอบอีกด้วย ภาพบนผนังคือ กองทัพพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
พิธีพระบรมศพกษัตริย์
วิถีชุมชน โดนจรเข้ ...งับ ;D ;D
ชมปราสาทบาปวน อดีตที่ประดิษฐานศิวลึงค์ทองคำ
ทาเข้าด้านหน้า
เห็นอย่างนี้ ร้อนตับแลบเลยครับวันนี้ >:( จึงไม่เดินขึ้นไปด้านบน เหนื่อยยยย) เลยเดินอ้อมแถนล่ะกัน กำแพงสูงมากกก
ปราสาทพิมานอากาศ ศาสนสถานแน่งอังกอร์ธม(ด้านข้าง)
ปราสาทถูกสร้างโดยพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 1 ทรงคล้างๆ พีระมิด มีตำนานเล่าว่าในสมัยก่อน กษัตริย์ทุกพระองค์ต้องเสด็จมาหลับนอนกันนางนาค ซึ่งทำหน้าที่คอยปกป้องคุ้มครองเมืองอยู่ที่นี่ทุกคืน หากกษัตริย์องค์ใดปฏิบัติกิจไม่ครบวัน จะถูกนางแผลงฤทธิ์บันดาลให้ทรงประชวรจนอาจถึงสวรรณคต หรือบ้านเมืองล่มสลายเลยทีเดียว...เขาว่างั้น โหดอ่ะ
อดีตสถานที่สวนสนามกองทัพ ที่ลานช้าง
ลานช้างคือ ลานหินยกฐานสูงจากพื้นราว 3 เมตร ที่ตั้งขนานไปกับกำแพงของพระราชวังหลวง สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
เชื่อกันว่าเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น การสวนสนามของกองทัพหลวง การซ้อมรบ รวมไปถึงการเฉลิมฉลองต่างๆ
ลานพระเจ้าขี้เรื้อน อยู่ตรงข้ามกันนะครับ แต่ไม่ได้เดินมันร้อนนนนนน ผ่านไปอันที่ 2 เลย 2. ไปเที่ยวปราสาทตาหรพม แวะถ่ายรูปสะเปียนทะมอ สะพานหินโบราณ อายุ 600 ปี สร้างข้ามแม่น้ำเสียมเรียบ แวะถ่ายรูปปราสาทตาแก้ว ก่อนถึงปราสาทแวะถ่ายสะเปียนทมอ สะพานหินโบราณก่อน
อีกด้านของประตู
ปราสาทตาแก้วก็ไม่แวะนะครับ 55555 มุ่งไปปราสาทตาพรมเลย อ้าว แต่คนขับรถบอกว่าไปเที่ยวปราสาทเปรี๊ยคันก่อนนะ โอเคตามนั้น สะพานหินรูปพิธีกวนเกษียรสมุทร
ปราสาทเปรี๊ยคันเป็นอีกหนึ่งปราสาทสำคัญในพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เนื่องจากเสมือนอนุสรณ์แทนชัยชนะสงคราม ที่พระองค์รบชนะพวกจามได้บริเวณนี้
เข้ามด้านใน ได้รับการบูรณะน้อย รูปสลักสิงห์
อาคารที่เชื่อว่าใช้เก็บพระขรรค์ในอดีต
เด็กขายของแถวนั้น
ที่นี่ก็มีต้นสะปงยักษ์หลายต้นอยู่นะ
กลืนกินปราสาทเข้าไปแล้ว
อีกต้นนี่เกิดอยู่บนกำแพงเลย
มาดูด้านข้างกันว่า มันยังไม่ล้มได้ไง
4.เที่ยวปราสาทเนียกปวน หรือปราสาทนาคพัน ใช้เวลา 30 นาที, ชมปราสาทกลางน้ำ
ผมขอบที่นี่นะครับดูลึกลับน่าค้นหาดีครับ ทางเดินก็แจ่ม
ปราสาทเนียกปวน หรือปราสาท พันนาค ก็มาจากรูปพญานาค 7 เศียร 2 ตัว ที่ขดล้อมฐานปราสาทโดยหัวหัวไปทางทิศตะวันออก และหางวนรอบจนมาบรรจบกันทางทิศตะวันตก
สร้างเมื่อสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยผสมผสานความเชื่อในศาสนาพุทธ และฮินดูเข้าด้วยกัน ผนังการก่อสร้างอ้างอิงจากตำนานสระอโนดาตในป่าหินมะพานต์ ที่ว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาสรงน้ำ จนทำให้น้ำในสระไหลลงมายังโลกมนุษย์กลายเป็นแม่น้ำ 4 สาย คือ แม่น้ำคงคา แม่น้ำยมุนา แม่น้ำพรหมบุตร และแม่น้ำสินธุ
5. ปราสาทาตาพรหมใช้เวลา 2 ชั่วโมง พบกับปราสาทที่มีรากต้นสะปงขนาดใหญ่ในเรื่อง ทูมไรเดอร์ ที่นี่มีห้องน้ำให้เข้า มาถึงปราสาทสุดท้ายกันของวันนี้
ปราสาทตาพรหมชื่อมาจากชายชราคนหนึ่งชื่อ ตาพรหม ซึ่งเป็นคนขยัน และคอยอาสามากวาดลานปราสาทแห่งนี้ทุกวันไม่เคยขาด จนทำให้ชื่อของเขากลายมาเป็นชื่อของปราสาท
ปราสาทนี้สร้างสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างเพื่ออุทิศให้กับมารดาชื่อ พระนางชัยราชจุฑามณี หรือพระนามที่ได้รับการสถาปนาขึ้นภายหลังว่า พระนางปรัชญาปารมิตา
นอกจากนี้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยังประสงค์ให้ปราสาทตาพรหมเป็นวัดหลวง ของเมืองพระนครหลวง(อังกอร์ธม) อีกด้วย นักโบราณคดีเชื่อว่าในอดีตมีพระสงฆ์จำวัดอยู่ที่นี่ราว 2740 รูป เป็นพระเถรผู้ใหญ่ 18 รูป และคนดูแลอีกทั้งสิ้น 79365 คน ใหญ่ม๊ากกก
ดูลึกลับดีเนอะ ;D
ที่นี่ทำทางเดินให้สะดวกมาก ขึ้นลงทำให้มีมุมถ่ายรูปหลากหลายนะครับ
จุดเด่นเห็นจะเป็นต้นสะปงยักษ์ที่มีอยู่หลายต้นเลยทีเดียว
จริงๆ ก็มีรูปสลักต่างที่น่าสนใจ แต่เราไม่สนใจ 555
วันที่ 5 1.นั่งไปแทกซี่ 100 กว่าโลไปเที่ยว อดีตราชธานีเกาะแกร์ ปราสาททรงพีระมิด 7 ชั้น ค่าเข้า 10$ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที ชมปราสาทลึงค์ ปราสาทอันดงกุก ปราสาทกระจับ ปราสาทชรับ ปราสาทเนียงเขมา ปราสาทพรัม 2.เที่ยวปราสาทเบ็งเมเลีย นิทรานครแห่งเพชรพรุอุมา ค่าเข้า 5$ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง เนื่องจากอยุ่ไกลจึงต้องเหมาแทกซี่ไปนะครับ ไกลจริงๆ เดินทางประมาณ 3 ชม.ได้ ที่สนใจคือปราสาทเขาเป็นทรงพีระมิด ไม่เคยเห็น แผนที่แสดงปราสาทต่างๆ ในเกาะแกร์ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกบูรณะ กระจุ๋ม กระจิ๋มอยู่นะครับ
สมัยพระเจ้าหรรษาวรมันที่ 1 และพระเจ้าอิศานวรมันที่ 2 ขึ้นครองราชย์ แต่ยังเด็กอยู่ก็เลยปฏิวัติโดยพระเจ้าสิงหวรมัน และสถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์ พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น โฉกครรคยาร์ หรือ เกาะแกร์ ซึ่งมีความหมายว่าเกาะแห่งความรุ่งโรจน์ สะพานพญานาค วางบนพื้น จินตนาการเอาเองนะ
เกาะแกร์ เป็นเมืองหลวงได้แค่ 23 ปี ก็เสื่อมสลายลง พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ก็ได้ย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองยโศธรปุระตามเดิม
มาถึงแล้วไฮไลท์ ปราสาทธม ศิลปแนวเกาะแกร์ จะโดดเด่นเรื่องขนาด เน้นความอลังการใหญ่โตเป็นหลัก
กลุ่มปราสาททั้ง แปด ดูไม่ออกล่ะเซ่ เหมือนกันนนน
อาหารเที่ยงที่นี่ขอบอกว่อร่อยมาก คืออาหารทีนี้ถ้าใครชอบรสจัดต้องบอกว่า เวรี่สไปซี่ ถ้าบอกสไปซีเฉยๆ ก็จะได้รสธรรมดามานะครับ เด็ดสุดคือจาน ผัดคล้ายๆ กระเพาหมู(จานซ้าย) แต่เขาใส่เครื่องเทศ ตะใคร้ ใบมะกูด ขิง ใส่ลงมาด้วย จานขวาคือ ลกลัก ที่นี่จะนิยมสั่ง 1 อย่างและจะมีข้าวเปล่าอีกจาน มักจะไม่ได้เหมือนอาหารจานเดียวบ้านเรา
จากนั้นก็ไปชมปราสาทรอบๆ เกาะแกร์ ระหว่างทางไปยังอีกปราสาท
ปราสาทลึงค์
มีเยอะมากที่นี่
อันนี้ก็ปราสาทลึงค์
ปราสาทเบง
ปราสาทบันเตียสะเรย พี เชียร
ปราสาทชรับ
ปราสาทเนียงเขมา มันดำเพราะอะไรไม่มีหลักฐานแน่ชัด
ทุกปราสาทจะมีคนเฝ้าหมดนะครับ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
2.เที่ยวปราสาทเบ็งเมเลีย นิทรานครแห่งเพชรพรุอุมา ค่าเข้า 5$ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ที่นี่น่าสนใจนะครับ ทางเดินสะดวก นักท่องเที่ยวนิยมมา ส่วนใหญ่คาดว่าคงไม่ไปเกาะแกร์กันเพราะมันไกลมาก
ทางเดินสะดวกดีมาก
เขาสันนิษฐานว่าปราสาทแห่งนี้สร้างในสมัยพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 2 โดยศิลปะแบบนครวัดที่มีคูน้ำล้อมรอบตัวปราสาท จึงทำให้รับสมญานาว่า อังกอร์วัดแห่งบูรพาทิศ
ปราสาทเพิ่งเปิดให้เที่ยวได้ไม่นานเนื่องจากบริเวณนี้อดีตสมัยสงครามกลางเมือง บริเวณนี้เคยเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มเขมรแดง จึงทำให้ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยกับระเบิด จน พ.ศ.2546 องค์กรฮาโลทรัสต์ จึงเข้ามาช่วยเก็บกู้ซากระเบิด
อลังการไหม
เขาบอกว่าเป็นโลงศพ
เสาของสะพาน ไม่เคยเห็น
ทางเดินเรียบทำให้ตั้งขากล้องได้ง่ายขึ้นเยอะ :D
จบแล้วสำหรับวันนี้ไว้มาต่อวันหลังนะครับ
วันที่ 6 เราปรับแผนนิดหน่อย ตื่นสายหน่อย นัดตุ๊กๆ มารับ 9 โมง 1. ข้าชมพิพิธภํณฑ์สถานแห่งชาติอังกอร์(ห้ามถ่ายรูป) 2. พิพิธภัณฑ์สงคราม 3. Cambodia cultural village 4. โตนเลสาบ 5. ปราสาทพนมกรอม (ต้องซื้อตั๋วมาก่อนนะครับ) 1 และ 2 ขอข้ามไปเลยนะครับ ไปดูโตนเลสาบกันเลย และรอถ่ายพระอาทิต์ตกที่ปราสาทพนมกรอม
นั่งเรือทีนี่เขาจะไม่ได้ให้จอยกันนะครับ ไปคนเดียว หรือ 2 คน กลุ่มใครกลุ่มมันเรือคนละลำเลย
น้ำจะเป็นสีนี้ตลอด เป็นทะเลสาบน้ำจืดนะครับ ใหญ่มากๆๆๆ มีหมู่บ้าน โรงเรียน เขาบอกว่าที่นี้ส่วนใหญ่เป็นเวีดยนาม ไม่มีบัตรประชาชนด้วย
ช่วงน้ำน้อยครับที่ไป
ที่เห็นด้านหน้าคือที่ตั้งปราสาทพนมกรอมนะครับ ที่จะขึ้นไปถ่ายแสงเย็นกัน
เราก็นั่งเรือมาถึงปากอ่าว เรือก็จอด ร้านค้า นั่งเล่น ทีร้านค้าก็พยายามหาอะไรมาดึงดูดนักท่องเที่ยวเช่น เลี้ยงจรเข้ไว้ให้ดู
เขามีกำหนดช่วงเวลาที่จะให้อยู่ได้ถ้าโตกว่านี้ต้องเอาออกจากพื้นที่
นั่งสักพัก ถามคนเรือ พี่ไปไหนต่อไหม ป่าว หมดแค่นี้ล่ะแล้วก็จะกลับ....อ้าววววว ??? แค่เนี้ย เราไป 2 คนเสียค่าเรือคนล่ะ 25 เหรียญ แค่นี้ แต่ละร้านก็มีจะมีดาดฟ้าให้ขึ้นไปถ่ายรูปกัน
ถ้าจะให้ดีน่าจะมาตอนเย็นๆ เลยนะถ่ายพระอาทิตย์ตกด้วย เด็กๆ กำลังปรับปรุงร้านค้า
สิ่งก่อสร้างใหม่ก็กำลังจะเกิด
สรุป ถ้าอยากมาก็เชิญ ตามสะบาย แต่ไม่แนะนำ ไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย ไปขึ้นเขาถ่ายประอาทิตย์ตกดีกว่า แต่พอขึ้นไปถึงป่าบังหมดครับ ถ่ายไม่ได้ ก็เลยมาถ่ายหมู่บ้านโตนเลสาบแทน ปิดท้ายด้วยรูปนี้ละกัน เห็นไกลๆ นั่นคือโตนเลสาปนะครับ
ขอบคุณครับที่ติดตามชม ;D แผนที่ปราสาทต่างๆ