Hiking Thai
Hiking Thai => เที่ยวนอกบ้าน...นอกเมืองไทย => Topic started by: designbydx on มิถุนายน 17, 2015, 01:46:14 pm
Srinaga Leh Delhi Agra, India(ศรีนาการ์-เลห์-เดลลี-อักรา)-14 วัน, มิถุนายน 2558 สรุปย่อๆ นะครับ(เน้นเรื่องถ่ายรูป) 1.ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมค่าเครื่องบินแล้วเราใช้ไปคนละประมาณ 43,000 บาท(ไป5คน) 2.ใช้กล้องถ่ายแบบ Raw File ใช้เมม 32 GB จำนวน 5 แผ่น(ใช้ Fuji xt1) 3.ใช้กล้อง Gopro ใช้เมม 32 GB จำนวน 2 แผ่น 4. รวมแล้วรูป+คลิป ทั้งข้อ 2 และ 3 มากกว่า 25,000 รูป 5.อาหารผมกินไม่ได้เลย Masara แรงเกินที่จะไปต่อได้ ดังนั้นใครกินยากเหมือนผม เตรียมไปเยอะๆ 6. ที่นี่ถ่ายรูปคนอื่นได้ รู้สึกว่าเขาจะยินดีถูกถ่ายด้วยนะครับ แต่ก็อย่าถ่ายทหารนะครับVIDEO ทริปทีเพื่อนวางไว้ให้ คร่าวๆ พร้อมโรงแรมที่ไปพัก แต่มันก็มีอุปสรรคบางที่ก็ไม่ได้ไปนะครับ Briefly Trip itinerary 3 nights in Srinagar 1 night in Kargil 5 nights in Leh 1 night in Hundar 1 night in Agra 1 night in Delhi Fri 29 May: Day 1 Depart BKK: 9W63 / 29 May / 20.45pm 23.55 pm Sat 30 May / Day 2: Agency: The Shelter Group of House Boat Domestic flight: 9W603 / Delhi Srinagar / 30 May / 10.50am 12.15pm Pick up from Srinagar airport & heading to visit Botanical garden, Nishat garden, sharlima garden, old town and finally check in at House boat แต่ที่ได้ไป 1. PARI MAHAL 2. CHESHMASHAHI SPRING, (LUSH GARDEN FOREST, FRESH SPRING WATER) 3. NEHRU MEMORIAL BOTANICAL GARDEN 4. HERITAGE MUGHAL GARDEN NISHAT 5. HERITAGE MUGHAL GARDEN SHALIMAR 6. Hazratbal Mosque Sun 31 May / Day 3: Agency: The Shelter Group of House Boat After breakfast drive to visit Pahalgam and back / overnight at house boat Mon 1 Jun / Day 4: Agency: The Shelter Group of House Boat Shicara ride to market in the early morning, After breakfast drive to visit Gulmargh and back / overnight at house boat Tue 2 Jun / Day 5: Agency: The Shelter Group of House Boat Check out from house boat and heading to stay overnight Kargil / Stop at Sonamargh and drive pass Zoji la Pass, Drass city and check in at Kargil Wed 3 Jun / Day 6: Agency: The Shelter Group of House Boat Hotel: Padma Guesthouse & Hotel Check out from Kargil and heading to Leh / Mulbekh village (Maitreya Buddha)- Fotu la Top - Lamarayu - Alchi - Likir - meeting point of 2 rivers - Megnetic hill - Pathar shahib and check in & overnight in Leh สรุปที่ได้แวะตามเส้นทาง จาก Kargil - Leh 1.Mulbekh village(Maitreya Buddha) ห่างจาก Kargil 36.5 กม. 2. Namikala ห่างจาก Mulbekh 14.6 กม. ไม่อยู่ในแผนแวะเพิ่ม ;D 3.Fotu la ห่างจาก Namikala 36.6 กม. 4. Lamayuru Gompa ห่างจาก Fotu la 15.3 กม. (ลืมมาร์คในแผนที่) :P 5.Alchi village ห่าจาก Fotu la 71.4 กม. 6. Likir Gompa ห่างจาก Alchi 19.1 กม. 7. Meeting point 2 rivers ห่างจาก Likir ประมาณ 24 กม. 8. Megnetic hill (ไม่เวิร์ค) ไม่แนะนำ :( 9. Pathar shahib (ไม่แนวเลยอ่ะ เดินรอบๆ ไม่ได้เข้า) เหมือนสำนักปฏิบัติธรรม ไม่แนะนำ :( Thu 4 Jun / Day 7: Agency: Padma Guesthouse & Hotel After breakfast drive to Hermis, Shey Palace, Thiksey, Stok, Leh Palace and see sunset at Shanti Stupa / overnight in Leh แต่ความเป็นจริง 1. Tak Thog Gompa (ในแผนที่สะกด Gompa แต่ที่นี่จะเขียน Gonpa สะกดด้วยตัว n) ก็งงอ่ะนะ ลืมมาร์คแผนที่ google ก็หาไม่เจอ 2. Chemday Gonpa ในgoogle เขียนเป็น Chemrey Compa โอ๊ยยย งง 3. Hemis Monastery 4. Thiksey Gompa ในgoogle เขียนเป็น Thikse ไม่มี y 5. Shey Palace 6. Shanti Stupa ไปดูพระอาทิตย์ตก แต่คิดว่าพระอาทิตย์ขึ้นน่าจะสวยกว่า Fri 5-6 Jun / Day 8: Agency: Padma Guesthouse & Hotel After breakfast drive to Visit Basgo temple - Kardung la Pass - Panamik - Sumur - Nubra Valley - Hundar- Sand Dune / stay overnight at Hundar ที่ได้ไปเที่ยวคือ 1. Kardung la Pass 2. Panamik village 3. Sumur , Samstemling Gompa 4. Hunder, Sand dune 5. Diskit Gompa Sat 7 Jun / Day 9: Agency: Padma Guesthouse & Hotel Check out from Hundar / overnight in Leh Sun 8 Jun / Day 10: Agency: Padma Guesthouse & Hotel After breakfast drive to Chang la Pass - Pangong lake - Leh / overnight in Leh Mon 8 Jun / Day 11: Agency: Padma Guesthouse & Hotel Relax & chilling out in Leh Tue 9 Jun / Day 12: Agency: Real Tour India Hotel: Hotel Taj Resort Domestic flight: 9W 2369 / 9 Jun / Leh Delhi / 07.40am 09.10am Check out from Leh, catch the flight to Delhi and drive to Agra, visit tourist attractions in Delhi & drive to Agra/ overnight in Agra Wed 10 Jun / Day 13: Agency: Real Tour India Hotel: Bloomrooms Hotel, Railway Station Visit Taj Mahal in the morning (opening time) - Agra Fort - Baby Taj - and drive back to Delhi / overnight in Delhi Thu 11 Jun / Day 14: Catch morning flight to BKK / 9W94 / 11 Jun / 09.10am-14.45pm Summary of suppliers Kashmir & Kargil Hotel & Tour: The Shelter Group of House Boat Contact person: Mr. Aijaz ah Address: Lal Mandi Road, Near SPS Museum, Srinagar, Jammu and Kashmir 190008 Tel: +91 97979 10358 Leh Ladakh Hotel & Tour: Padma Guesthouse & Hotel Contact person: Mr. Bickey Chhetri Address: Fort Road, Leh 194101, Ladakh, India Tel: + 91-1982-252630 Agra & Delhi Hotel: Hotel Taj Resorts & Bloomrooms Hotel (Railways station) Tour: Real Tour India Contact person: Mr. Javed Ali Mobile: +91 9818398886 ภาพด้านล่างคือทะเลลาบ Pangon
ก่อนอื่นทำความเข้าใจกับชื่อเมืองก่อน ผมก็ งงๆ เหมือนกันเรียกผิด เรียกถูก สถานที่เราจะไปเที่ยวอยู่ในพื้นที่รัฐ จัมมู และแคชเมียร์(Jammu and Kashmir State หรือเรียกย่อๆว่า J&K) โดยที่รัฐนี้จะประกอบไปด้วยดินแดน 3 ส่วนด้วยกัน 1. จัมมู มีเมืองศูนย์กลางชื่อ จัมมู 2. แคชเมียร์ มีเมืองศูนย์กลางชื่อ ศรีนาการ์(Srinagar) 3. ลาดัก(Ladakh) มีเมืองศูนย์กลางชื่อ เลห์(Leh) หาย งง ล่ะเนอะ เวลาช้ากว่าไทยประมาณ 1.30 ชม. อัตราแลกเปลียนก็ค้นดูจากเนตเอานะครับเพราะมันไม่คงที่ เราบินจาก กทม ไปเดลลี และต่อเครื่องไป รัฐ จัมมู และแคชเมียร์ โดยลงที่ สนามบินศรีนาการ์
เขาบอกว่าส่วนใหญ่ในจัมมู นับถือ ศาสนาฮินดู ขณะที่ประชากรส่วนใหย๋ในแคชเมียร์นับถือ ศาสนาอิสลาม ส่วนชาวลาดัก นับถือ ศาสนาพุทธ ภาพด้านล่างคือ สภาพในเมือง ศรีนาการ์ ยามเย็น หนุ่นร้านผัก รู้สึกยินดีเมื่อถูกถ่ายรูป
คึกคักไม่น้อยเลยทีเดียว
ที่นี่ผู้ชายเดินจับมือกัน ไม่ใช่เรื่องแปลก จะเห็นได้ตั้งแต่วัยเด็ก จนวัยชรา
ร้านขายไม้ก็มี ก็สงสัยเหมือนกันว่าเอาไม้มาจากไหน ท่าทางจะหายากและน่าจะแพงมากด้วย
ร้านขายเนื้อ น่าจะเป็นแพะ หรือไม่ก็แกะ แต่ก็ไม่กล้าลอง
อีกร้าน
ปกติเป็นคนชอบกินข้าวโพด เจอที่นี่เลยต้องลองสักหน่อย ทาเกลือ ทามะนาว พร้อมกับเศษเถ้าถ่าน ปนดินเล็กน้อย ก็แปลกๆ ดี ข้าวโพดรสเปรี้ยว แต่ข้าวโพดแข็งมาก ผมว่าเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แหง๋ๆ
ยังมีอาคารเก่าอยุ่ให้เห็น น่าสนใจดีผมชอบถ่าย
แต่ว่าก็หามุมถ่ายยากอยู่นะ มันรก
ที่นีมีมัสยิส สินค้าก็โชว์ยันชั้น 2 ของอาคารเลยทีเดียว
ผักก็เยอะแยะ แต่ไม่รู้ไปปลูกกันแถวไหน
ไฟฟ้า จะมีการดับเป็นช่วงๆ ในแต่ละวัน ใครที่ถ่ายรูปวางแผนการชาร์ทแบตดีๆ นะครับ
กลุ่มเราเลือกพักเรือ ตามแบบฉบับที่เขาทำกัน เราเลือกเรือที่อยู่ติดฝั่งเพราะไปไหนได้สะดวก ไม่ต้องอาศัยเรือ จากการสอบถามเขาบอกว่าใช้ชีวิตแบบนี้บนเรือมาตั้งแต่สมัยปุ่ย่าแล้ว เรือที่ัพักก็มีการปรับปรุงเรื่อยๆ
สภาพของเรือ ขอเสียทุกอย่าง ลงแม่น้ำไปนะครับ
มีหลายเจ้าให้เลือก คนส่วนใหญ่มาเที่ยวก็เป็นอินเดียนะครับ ที่แคชเมียร์มี Trekking เหมือนกันนะครับ หน้าหนาว ฝรั่งจะมาก สงกรานต์ คนไทยจอง
รถโดยสารของที่นี่
เครืองบินเรามาถึงเมืองศรีนาการ์บ่ายๆ เราจึงมีเวลาครึ่งวันเที่ยวชมสวนต่างๆ ของที่นี่ 6 แห่งด้วยกัน 1. PARI MAHAL (แปลเองนะครับ ผมไม่เก่ง) 2. CHESHMASHAHI SPRING, (LUSH GARDEN FOREST, FRESH SPRING WATER) 3. NEHRU MEMORIAL BOTANICAL GARDEN 4. HERITAGE MUGHAL GARDEN NISHAT 5. HERITAGE MUGHAL GARDEN SHALIMAR 6. Hazratbal Mosque
จะมองเห็นทะเลสาบ Dal ออกแบบเป็นชั้นๆ
อีกมุม
ดอกไม้ก็มีประดับไปเรื่อย
พี่อ้วน แขก ถึงกับเดินไม่ไหม หาที่เกาะ
ขึ้นมากอีกระดับนึง
ภาพรวม
ทุกที่จะมีทหารดูแลตลอดเวลา
ไปต่อกันสวนลำดับที่ 2 2. CHESHMASHAHI SPRING(Lush garden forest, Fresh spring water)
คนเยอะเอาเรื่องเหมือนกัน กลัวของหายอย่างเดียว
ด้านในก็ประมาณนี้นะครับ
จะเห็นว่าการออกแบบ จะเน้นเรื่องเกี่ยวกับน้ำเป็นหลัก
เขาจะมีความเชื่อว่าน้ำ ที่ไหลมาเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็เหมือนมีป้ายห้ามบริโภคนะถ้าจำไม่ผิด แต่ก็ขอนิดนึง
วันที่เรามาตรงวันหยุดพอดีคนเลยมาพักผ่อนกันเยอะ
รถบริการนักท่องเที่ยว
ไปกันต่อสวนลำดับที่ 3 3. NEHRU MEMORIAL BOTANICAL GARDEN
แต่ละสวนก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เดินแป๊บๆ ก็หมดแระ
นิดนึง
ก็ประมาณนี้
ดอกไม้ก็มีบ้าง
สวนลำดับที่ 4 4. HERITAGE MUGHAL GARDEN NISHAT
คนเยอะเหมือนกัน
สวนส่วนใหญ่จะมองเห็นทะเลสาบ Dal ตลอด
สวนที่นี่รู้สึกจะใหญ่กว่าเพื่อน
ยังคงมีน้ำเป็นส่วนประกอบเช่นเคย
หิมะละลายหมด เลยไม่มีน้ำไหล
มีป้ายห้ามอย่างไร ก็เหมือนกันหมด นิสัยแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยุ่กับประเทศ
สวนลำดับที่ 5 5. HERITAGE MUGHAL GARDEN SHALIMAR
สงสัยจะมีคนฝ่าฝืนบ่อย
สวนนี้น้ำพุเยอะ เดินตรงอย่างเดียว
ก็ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน
ถอดไว้ก่อน ถ่ายรูปแป๊บ
พวกมือบอน ก็เยอะเหมือนกันนะ ประเทศนี้
ศาลาสุดท้าย แล้ว วันนี้เหนื่อยมาก ไม่ได้ฟังเขาอธิบายอะไรเลย เก็บรูปไป หิวไป
เด็กตัวน้อยก็มาทัศนศึกษา
ต้นไม้ที่นี่ไม่ธรรมดานะ
ใจดีพาไปต่อเที่ยวมัสยิส ลำดับที่ 6 6. Hazratbal Mosque เสียดายสร้างยังไม่เสร็จ
หามุม
หาไปเรื่อย
อยู่ติดทะเลสาบ
สรุปแล้วครึ่งวันที่มาถึงไปเที่ยวที่นี่
;D ;D คอยติดตามตอนต่อไปนะค่ะ
ที่พักเราจะอยู่ตำแหน่งนี้ ในเมือง Srinagar อย่างที่บอกไปจะเลือกเรือที่ติดฝั่ง ส่วนทะเลสาบ Dal ที่เห็น พื้นที่สีฟ้าเยอะๆ ก็มีมีเรือพักจำนวนมาก แต่ไม่สะดวกเดินทาง
วิวยามเย็นและเช้าที่ถ่ายได้จากที่พักจะได้ประมาณนี้นะ ตอนเย็นจะมีเรือออกหาปลา ที่บริโภคของเสียที่เราปล่อยลงไป ;D
ในตอนเช้าก็จะมี คนมาอาบน้ำ ชำระร่างกาย พร้อมกับทิ้งขยะลงแม่น้ำ แม่น้ำนี้ชื่อว่า Jhelum River
บ้านพักจะอยู่หลังสะพานที่เห็นนี้ มุมนี้ถ่ายจากสวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ๆ ที่พัก
มุมนี้ไปยืนบนสะพาน(จากรูปด้านบน) อืมสงบดีจริงๆ ตอนเช้าคนแทบจะไม่มีเลยนะ
เมืองโอบล้อมไปด้วยภูเขาสูง มีหิมะปกคลุมบนยอดรอ แสงแดดมาละลาย กลายเป็นน้ำรวมลงในแม่น้ำไปไปรวมกับสายอื่นต่อไป
แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้า
ครีมบางๆ บนยอดเขา
แสงแดดสาดส่งพ้นยอดภูเขาที่บังอยู่
เรือหาปลาก็ออกหากิน มีวิวภูเขาเป็นฉากหลัง เท่ไม่เบา
มีแดด ดอกไม้ริมทางก็เริ่มมีชีวิตชีวา
รับพลังงานแสงแดด ไปปรุงอาหาร
เริ่มสาย ผู้คนก็ทยอยออกมา ช่วงเช้าจะเห็นผู้ปกครองมาส่งลูกไปโรงเรียนกัน พี่พาน้องไป รูปที่เห็นนี้คือ พ่อกับลูก นะ
เด็กที่นี่น่ารักมากๆๆ นะ
ทางเดินไปโรงเรียน วิวสวยเนอะ
ที่ในเมืองจะเห็นนกอินทรี หรือว่าเยี่ยว เรียกไม่ถูกเหมือนกัน มีบินว่อนทั่วท้องฟ้า
มีเวลาว่างอีกนิดหน่อย ลองเดินเล่นตามทางไปเรื่อยๆ ดูกิจกรรมยามเช้าในตัวเมือง หมาที่นี่จะไม่นิยมเลี้ยงในบ้าน ไม่รู้ทำไม
การโชว์สินค้าหน้าร้าน
โรงพยายบาล ขอย้ำว่าคือโรงพยาบาล
ชายคนงาน ออกมารับแดด ตอนเช้า ก่อนจะเริ่มงานก่อสร้าง เมืองกำลังพัฒนาตามยุคตามสมัย รองรับนักท่องเที่ยว
ใครว่าอินเดียไม่รักสะอาด ตอนเช้ามีคนกวาดถนนด้วย ???
ระบบ ไฟฟ้าที่นี่ ดูจากหม้อเปลงแล้ว มิน่า ไฟฟ้าดับบ่อย
เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว Pahalgam ต้องใช้เวลาเที่ยว 1 วันนะครับ
เราจะวิ่งตามถนนสายหลัก แต่ก็แคบมาก สวนกันลำบาก ทำให้จะทำความเร็วได้ไม่มาก เวลาที่ใช้ก็หลาย ชม. อยู่ หากมีอุบัติเหตุ รถก็จะตินนาน ตอนที่ไป ต้องรอรถ ต้องรอ อะไรที่ไม่รุ้สาเหตุหลายอย่างอยู่ เป็นชั่วโมงเลยนะ เลยต้องลงมาหากิจกรรมทำ
แต่คนที่นี่เขาไม่เห็นจะเครียดกันนะ ยิ้มแย้ม สนุกทักทายกันดี
เขาจะชอบมองกลุ่มเรา เหมือนที่เรามองฝรั่งนั่นล่ะ คงจะไม่ค่อยเคยเห็น
ระหว่างทางผ่านสวน apple
ทำท่าจะไม่ดีแระ ฝนมา
วิวข้างทาง หยุดถ่ายไปเรื่อย
ไม่แน่ใจว่า ของใหม่หรือ ของเก่า ;D
กว่าจะมาถึง ก็บ่ายแล้วนะครับ หิว เลยพักกินข้าวกันก่อน ริมน้ำ
ล้อมวงกินข้าวกัน
เพื่อนร่วมโต๊ะอาหาร
ถึงซะที
มีม้ารอให้เราขี่มากมาย มาถึงฝนตกน่ะครับ แต่ก็ไม่มีอะไรหยุดเราได้
ม้าผมมม :o
วิวสวยนะ ผมชอบ ต้นสนสูงใหญ่ ลำต้นใหญ่ ทุ่งหญ้าเขียว
นั่งม้าครั้งแรก ตื่นเต้นดี เจ้าของม้าก็ตีให้มันวิ่ง สงสารจริง แต่สงสารตัวเองมากกว่านั่งเกร็งกลัวตกม้า นั่งประมาณ 30 นาทีได้ ทางก็บิบากระทึกอยู่นะ
มาถึงก็ เด็กนักเรียนจากไหมไม่รู้เต็มไปหมด ความฝันวิวโล่งๆ หายไปในพริบตา แต่สงสัยว่า ขึ้นมายังไง ตอนไหน
ถ้าฟ้าเปิดคงจะแจ่มนะครับ
เปิดแป๊บนึง
มุมมีแค่มุมเดียวนะที่นี่ แต่ชอบระหว่งทางมากกว่านะ
พาโนราม่า การนั่งม้าเขาจะให้เอากระเป๋าไว้ด้านหน้านะครับ กลัวของหล่น กล้องก็ระวังให้ดีนะครับตอนถ่าย เดี๋ยวร่วงทั้งคนและกล้อง
จบไปอีกวัน วันถัดมาเราจะไปเที่ยว Gulmarg ซึ่งก็ใช้เวลาเที่ยว 1 วันเช่นกันเพราะไกลอยู่ ทางก็แคบเช่นเคย แต่ถนนดีกว่าเส้นทางไป Pahalgram
ป้ายบอกทางให้เรารู้ว่าเหลืออีก 35 กม. ตรงนี้เป็น 3 แยกวุ่นวายมาก รถแย่งกันเลี้ยว
ตำรวจจราจรทีนี่ คงจะปวดหัวนะครับ
อาหารสุดฮิต ข้าวโพดข้างทาง ได้เห็นแบบ Direct Sale โดยคนขาย กินของที่กำลังจะขายไปด้วย
เห็นเขาก็ซื้อกันนะ ต้องลอง
แดด แรงไปหน่อย ฟ้าหม่น จุดชมวิว เสียดาย ถ่ายได้แค่นี้ ที่เห็นก็คือ ยอด Gulmarg นะครับ
อัตราค่าบริการ
ที่นี่จะมีม้าไว้บริการ กับรองเท้าบูทไว้เดินบนยอด บูท ก็ให้นึกถึงรองเท้าผสมปูน ก่อสร้างบ้านเรานะครับ แต่ว่าอย่างนั่งม้าเลยเดินเหอะ นิดเดียวเอง แล้วก็มาขึ้นกระเช้า
บอกตามตรง ไม่มั่นใจในกระเช้าเลยนะ
ขึ้นกระเช้า 2 ต่อ พอมาถึงอุแม่เจ้าาาาา ปวดหัว ตุ๊บๆๆ แต่ความสวยของวิวทำให้หายปวดหัวไปได้บ้าง
ลื่นเดินลำบากเพราะไม่ยอมเช่ารองเท้าบูท(ค่าเช่า 100 บาท) ก็เลยนั่งถ่ายรูป ไม่เดินมันแระ
คนเยอะเหมือนกัน
มีทหารอยู่ทุกที่ เป็นมิตรกับประชาชน
ขาวสะอาดน่ากิน
มุมอีกด้าน ทำได้แค่เอี้ยวตัวไปถ่าย
รองเท้าที่ใส่เดินหิมะ ก็ไม่เห็นมีไรนี่ แค่เดินไปไหนไม่ได้แค่นั้นเอง
เห็นคนเดินไกลๆ ด้วย สงสัยจะเป็นพวก Trekking(เดา) แต่ที่ Kashmir นี่เขาก็มีเส้นทางให้เดินนะ
สงสัยมาเที่ยวคนเดียว
พวกเราต้องรีบลงเพราะว่า หิมะตก คนก็แย่งกันลงล่ะทีนี้เบียดกันสุดๆ
กระเช้าก็มีหยุด ให้ตกใจเล่นๆ บ้างเล็กน้อย
มองย้อนกลับไป อืม สูงเหมือกันนะเนี่ย เขาบอกว่าทีนี้เป็น The Highest Gondala in the World, 4,020 m. น่าจะเป็นกระเช้าขึ้นยอดที่สูงที่สุดน่ะ หมายถึงเทียบเฉพาะ ยอดที่มีกระเช้าขึ้น
ซูมสุดๆ
ภาพมุมกว้าง
เป็นที่น่าเสียดายในทริปนี้ กะว่าจะไปดูตลาดขายผักเช้า แต่ว่าปีนี้ผักน้อย จึงไม่มีคนมาขายกัน อด หลังจากที่กลับจาก Gulmarg เราจึงไปล่องเรือในทะเลสาบ Dal กัน ทะเลสาบเป็นแบบปิดนะครับ น้ำจะนิ่งมาก คือเป็นทะเลสาบที่สะสมน้ำที่ละลายจากหิมะ
มีหลายเจ้าให้เลือกสรร
โชคไม่ดีที่เรามา ฝนตกพอดีเลย มาแล้วก็ล่องสักหน่อย อารมณ์ถ้าเปรียบเทียบกับเมืองไทยก็คงเป็นอัมพวา
ระดับน้ำจะลึกประมาณ 2 ม.(คนพายเรือบอก)
จะมีชมชุน บ้านเรือนริมน้ำตลอดฝั่ง ภาพนี้เรียกว่า ลงแขก
เมื่อเป็นทะเลสาบปิด ปลามาจากไหน ถ้าไม่เอามาปล่อย เห็นในภาพคือ วัยรุ่นนะครับ
ก็จะมีร้านค้าขายของกันไป แต่ภาพนี้ร้านตัดผมหรือเปล่า หว่า ไม่แน่ใจครับ
วิวที่ปราศจากเรือ ที่เป็นโรงแรมที่พัก
2 ฝั่งจะมีเรือทีทำเป็นที่พัก มีรอบทะสาบเลย การเดินทางต้องอาศัยเรือ เป็นเหตุผลที่เราเลือกที่พักติดฝั่งครับ
แล้วก็มาสู่ เวิ้งอันกว้างใหญ่ แต่ก็จะเห็นแต่ โรงแรมเรือเต็มไปหมด
นักท่องเที่ยวก็มีไม่น้อยเลย สรุปคือ ส่วนตัวเฉยๆ กับที่นี่มาก มันไม่มีอะไรดึงดูดความสนใจของผมได้เลย แต่มาแล้วก็ต้องมาสัมผัสสักครั้ง เพราะเป็นไฮไลท์เลยนะ ถ้าชอบถ่ายรูปแนะนำว่าไม่ต้องลงเรือนะ ถ่ายรอบๆ ทะเลสาบดีกว่า
ค่่ำแล้วเดินทางกลับที่พัก เราจะพักคืนสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้จะเดินทางไป Leh ระหว่างทางก็พบสิ่งที่น่าสนใจอยู่
บ้านเรือนเก่า
เวสป้า
การเดินทางไปเมือง Leh ต้องใชเ้วลา 2 วันโดยต้องพักกลางทางที่เมือง Kargil ก่อน เลือกใช้รถยนต์เหมาไปครับจะได้สัมผัสกับวิวข้างทางที่เขาแนะนำกันมาเช่น 1. Sonamargh จุดท่องเที่ยวที่เขาแนะว่าว่าสวย แต่ต้องขี้ม้าขึ้นไปชมพระอาทิตย์ 2. Zojola จุดแบ่งเขตเมือง Leh กับ Srinagar ระยะทางจาก Srinagar-Kargil 203 กม. ระยะทางจาก Kargil-Leh 211 กม.
และแล้วก็เดินทางมาถึง Sonamarg เป็นเมืองเล็กๆ เมืองนึง
สภาพในเมือง
วิวสวยดีนะ
เราต้องรอ ตรวจอะไร หรือว่า รอถนนว่าง หรือว่ารออะไรไม่รู้ที่นี่ ชั่วโมงนึงเลย ต้องหากิจกรรมทำ ถ่ายรูปดีกว่า
ืที่นี่ที่เขาเรียกว่า Sonamarg สินะ
เดินถ่ายไปเรื่อย
เจอฝูงแกะออกหากิน
เมื่อยแทน
เส้นทางจาก Srinagar - Kargil ถนนไม่ดี เพราะว่าหิมะละลายทำให้ถนนพัง แต่จาก Kargil- Leh ถนนลาดยางดีกว่าเยอะเลย ระว่างทางก็มีร้านค้าให้แวะพัก
เผอิญมีรถสวนกันลำบาก เลยมีเวลาลงไปเก็บรูปอีกนิด
ก็ยังอยู่ที่ Sonamarg ครับ
อีกมุม
อีกมุม
จะเห็นว่าน้ำแข็งยังเป็นชั้นอยู่ ยังละลายไม่หมด หนาเหมือนกันแสดงว่าหน้าหิมะ คงจะตกหนักและหนาหลายเมตรเลยทีเดียว
และแล้วเราก็เดินทาถึง Zojila ความสูง 3,495 ม. จุดนี้ห่างจาก Kargil 96 กม. ห่างจาก Leh 326 กม. แล้วเมื่อไหร่จะถึงละเนี่ย
จุดนี้เป็นจุดแวะอีกที่ จะมีร้านอาหาร บริการเล่นเครื่องเล่น สกี(คนลาก) อะไรทำนองนี้
แต่เราก็ไม่ได้ใช้บริการ คือใช้ก็เหมือนไม่ได้ใช้อ่ะ กินไม่ได้
วิวรอบๆ สังเกตุดีๆ ตรงกลางภาพจะเห็นรถคันเล็กๆ จอดพักริมทางอยู่
ถ่ายตัวเอง
ต่อไปเราได้แวะกินข้าวเที่ยวที่เมือง Drass ตามป้ายบอหว่าหนาวมากที่สุดอันดับ 2 ของโลก คำถามคือ มาอยู่ทำมายยย
สภาพในเมือง รถบรรทุกหน้าตาก็จะเปลี่ยนไปตามแต่ละเมือง
ไปดูเขาหน่อยอยู่กันอย่างไร
มาถึงสะทีเมือง Gargil เย็นเลย หนาวมากก เป็นเมืองมีภูเขาล้อมรอบ
้บ้านสีเดียวกับภูเขาเลย
บ้านน่าจะทำจากดินหรือเปล่าไม่รู้
นึกว่าจะหมดหวังในการถ่ายรูปเพราะฟ้าปิด และแล้วก็ เห้ยยย เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกฉายลงบนภูเขาเป็นลูกๆ ให้เห็น
เห้ยย
เห้ยยย
หมดแระ
วันนี้มีเทศกาลไรไม่รู้ จุดพลุ ปทัด เต็มไปหมด
จะมาถ่ายดาวตอนเช้า สนิทครับ ปิด
เลยถ่ายเมืองก็ได้
วันนี้จะเดินทางจาก Kargil - Leh ซึงมีจุดแวะหลายที่เลย(ถนนดีนะครับ แวะเลยเยอะๆ) 1.Mulbekh village(Maitreya Buddha) ห่างจาก Kargil 36.5 กม. 2. Namikala ห่างจาก Mulbekh 14.6 กม. ไม่อยู่ในแผนแวะเพิ่ม ;D 3.Fotu la ห่างจาก Namikala 36.6 กม. 4. Lamayuru Gompa ห่างจาก Fotu la 15.3 กม. (ลืมมาร์คในแผนที่) :P 5.Alchi village ห่าจาก Fotu la 71.4 กม. 6. Likir Gompa ห่างจาก Alchi 19.1 กม. 7. Meeting point 2 rivers ห่างจาก Likir ประมาณ 24 กม. 8. Megnetic hill (ไม่เวิร์ค) ไม่แนะนำ :( 9. Pathar shahib (ไม่แนวเลยอ่ะ เดินรอบๆ ไม่ได้เข้า) เหมือนสำนักปฏิบัติธรรม ไม่แนะนำ :(
บอกแล้วว่าถนนดี
วิวข้างทาง
อีกภาพ
มาถึงแล้วที่แวะ ลำดับที่ 1.Mulbekh village(Maitreya Buddha) ห่างจาก Kargil 36.5 กม.
จะเห็นสิ่งนี้ก่อนเลย
วัดนี้ก็ไม่ได้ใหญ่นะครับ มีแค่นี้
ด้านใน มันใกล้มาก ถ่ายภาพออกมาเลยเป็นแบบนี้นะครับ
ด้านใน
ห้ามจับ...กลองรู้สึกจะเห็นทุกวัดเลยนะ ตีตอนไหนไม่รู้
วงล้อสวดมนต์ จะมีทุกทีเลยนับแต่นี้จนถึง Leh
ภาพสุดท้ายหามุมหน่อย
ก่อนไปต่อลำดับที่ 2 คนขับรถข้าวต้องแวะก่อนเพราะข้าวเช้า ร้านขายเนื้อให้เขาหั่นช้าๆ เพื่อถ่ายรูป เอ๊ะ ให้ความร่วมมือดี
ยังมีมัสยิสให้เห็นอยู่
กุญแจบ้านเขาแตกต่างจากบ้านเราเนอะ
ก่อนถึง Fotu la เราก็ให้เขาจอดแวะถ่ายไปเรื่อย สวยอ่ะ
รถคัดนิดนึง
คนงานก่อสร้าง คาดว่าน่าจะทำถนน คำถามคือ เอาน้ำจากไหนผสมปูน
พาโนรามา มันเก็บไม่หมดวิวเขากว้างจริงๆ
ยังไม่หมดเจออีก ลำดับที่ 2 ไม่อยู่ในแผน 2.Namikala, 3660 m (msl)
ป้ายอีกอัน
มาถึงแล้ว จุดแวะลำดับที่ 3.Fotu la ห่างจาก Namikala 36.6 กม., 4,044 ม.(รทก)
มันก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไรนอกจากป้ายบอกว่าเป็นจุดสูงสูง เป็นจุดขายว่างั้นเถอะ
หิมะตกอีกแล้วต้องรีบไปดีกว่าหนาวว แต่ก็ไม่วาย แวะอีกกกก
ถ่ายอีก
ภาพมุมกว้าง พาโนรามาอีกรูป
จะแวะลำดับที่ 4. Lamayuru Gompa ห่างจาก Fotu la 15.3 กม. (ลืมมาร์คในแผนที่) ทางเข้าวัด
สัญลักษณ์พระจันทร์ กับพระอาทิตย์
ที่วัดจะมองเห็น Moon Land คล้ายกับดิน slide มีสีเหลืองเด่นชัด
เน่ามาก แต่ชอบนะ สวยดี
จะเห็นหลายโรงแรมใช้สถาปัตย์แนวนี้ บริเวณหน้าต่าง
น่าจะเป็นประวัติ แปลเองล่ะกัน
ภายในวัดจะค่อนข้างทึบ น่าจะเป็นการป้องกันอากาศเย็น
อุปกรณ์พื้นฐาน
เงิน ยังคงเป็นที่นิยม เป็นตัวแทนการทำความดี
ประตูเข้า อลังการจริงๆ
อารยธรรม สืบสานมาอย่างยาวนาน
สงสัยมาก ทำไมเจดีย์มันถึง ไม่คอยเนียน เห็นหลายที่แระ
มีวงล้อสวดมนต์รอบเจดีย์เลยทีเดียว
ไม่รู้ความหมายอ่ะ
แล้วก็ออกมา มาถ่าย Moon Land
งานก่อสร้างของที่นี่ เหนื่อยแทน
จุดแวะลำดับที่ 5.Alchi village ห่าจาก Fotu la 71.4 กม. ป้ายบอกว่าเหลืออีก 97 กม. จะถึง Leh
ทางเดินไปวัด
ผังของวัด
ต้องเดินวนขวานะครับ ไปวัดไหนก็ช่าง ป้ายนี้บอกไว้(ไม่รู้หรอก ให้ไกด์ถามชาวบ้านว่าหมายถึงอะไร)
ป้ายแจ้งราคา
มีของขายเหมือนจัตุจักร
เข้ามาในตัววัดแระ
เจดีย์ ยอดเบี้ยวมากกก :o
วัดมีหลายจุดให้เข้าชม ก็เหมือนมีศาลาการเปรียญ หลายศาลา ทางเข้าแคบมาก เป็นไม้ทั้งหมด
งานแกะสลัก
นึกว่ากระต่าย เขาบอกว่าเป็น เสือออออ ::)
ชอบถ่ายกลอนประตู ไม่รู้ทำไม
โครงสร้างไม้ล้วนๆ
ทางเข้าแคบ มากไป เข้าไปแล้วอึดอัด ภายในสวยนะครับ ห้ามถ่ายรูป เป็นรูปวาดผนังสวย
เจอป้ามาสวดมนต์ ป้าบอกว่าต้องเดินวน ขวา นะลูก พวกเราเดินวนซ้าย ตอนนั้น และก็เดินต่อไปจนจบ(ถ้าจะวนขวาต้องไปเริ่มต้นที่หน้าวัดใหม่)
เอ่อ....ยังหมุนได้อยู่ใช่ไหม
เวอร์ชั่นใหม่เป็นโลหะ
มีจำนวนมาก
ปิดท้ายด้วยวิวหลังวัด
อีกรูป ทางเข้าหมู่บ้าน สวยดีอ่ะ
จุดแวะลำดับที่ 6. Likir Gompa ห่างจาก Alchi 19.1 กม.
แน่น อาคารแน่น
มีธงเป็นสัญลักษณ์ แต่วันนี้ฝนตก ลมแรงมาก
ประวัติลองอ่านดูนะครับ แปลเสร็จบอกด้วยนะ
มาถึงบนหลังคาเลยทีเดียว
วิวสวยนะ ถ้าฟ้าเปิด ถ่ายยาก ลมแรงเกิ๊น
สงสัยอย่างทำไมยอดเจดีย์มันหายไปไหนหมด
ห้องพระ ด้านนี้คงฟินนะ เจอวิวสวยๆ ทุกวัน
ทีวันนี้ก็มีพระศรีอาริยเมตไตรย์ด้วย นะ
แอค สอง
และสุดท้าย แอคสาม
รีบไปหนีฝน เราได้แวะถ่ายป้อม Basgo fort ซึงปัจจุบันปิดให้เข้าชมแล้ว
ดูไกลๆ หน่อย
รอตอนต่อไปครับ
รอตอนต่อไปครับ ;D ;D ;D
จุดแวะลำดับที่ 7. Meeting point 2 rivers ห่างจาก Likir ประมาณ 24 กม. ดูจากแผนที่แล้วเป็นการไหลมาเจอกันระหว่าง Indus river(แม่น้ำสินธุ)(น้ำใส)กับแม่น้ำ Zanskar river (น้ำขุ่น)
เก็บไม่หมดต้องพาโนรามา
อีก 2 อันที่เหลือ 8. Megnetic hill (ไม่เวิร์ค) ไม่แนะนำ :( 9. Pathar shahib (ไม่แนวเลยอ่ะ เดินรอบๆ ไม่ได้เข้า) เหมือนสำนักปฏิบัติธรรม ไม่แนะนำ สรุปที่แวะ ก็ตามแผนที่นะครับ
เย็นๆ ก็เดินเข้าสู่ Leh ถึงสักที ก็มาที่พักที่คนไทยได้แนะนำไว้ ผมว่าโอเคนะ แต่ว่าเน็ตไม่แรง อันดับแรกที่ต้องทำ ชาร์ทแบตกล้องครับ
พักแป๊บก็ออกเดินสำรวจหน่อย น้ำประปาที่นี่ทำไมไม่มีก๊อก
เมืองกำลังปรับปรุงกันใหญ่ อีกหน่อย คงไม่น่าเที่ยวล่ะ คงเป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มตัว
สิ่งก่อสร้างเก่า ขยะ ก็ยังมีให้เห็น
ตลอดการเดินทางเห็น ยี่ห้อนี้ตลอด สงสัยเป็นเจ้าใหญ่พาเที่ยว
ทรานฟอร์เมอร์ แอบหลังต้นไม้
ที่นี่หมาน่ารักจะตาย แต่เขาไม่ชอบกัน
เขานิยมทำหน้าต่าง สถาปัตย์เหมือนกันกับที่วัด
เปรียบได้คงเหมือนศาลพระภูมิบ้านเรา ที่ทุกบ้านควรจะมี
วิวจากที่พัก แต่จะต้องใช้ซูมนะครับ 200 ขึ้นไป
จะมีเครื่องบิน บินตรวจสอบตลอดเวลา
พอๆ นอนๆๆ พรุ่งนี้จะเริ่มเที่ยวล่ะ
ที่จะเที่ยววันนี้ ตามแผน Hermis, Shey Palace, Thiksey, Stok, Leh Palace and see sunset at Shanti Stupa / overnight in Leh แต่ความเป็นจริง 1. Tak Thog Gompa (ในแผนที่สะกด Gompa แต่ที่นี่จะเขียน Gonpa สะกดด้วยตัว n) ก็งงอ่ะนะ ลืมมาร์คแผนที่ google ก็หาไม่เจอ 2. Chemday Gonpa ในgoogle เขียนเป็น Chemrey Compa โอ๊ยยย งง 3. Hemis Monastery 4. Thiksey Gompa ในgoogle เขียนเป็น Thikse ไม่มี y 5. Shey Palace 6. Shanti Stupa ไปดูพระอาทิตย์ตก แต่คิดว่าพระอาทิตย์ขึ้นน่าจะสวยกว่า พลาด Stok ไปเวลาไม่พอ
ก็เป็นวัด ประวัติคงต้องแปลภาพก่อนหน้านี้นะ
วิวจากหลังคาวัด
ยังมึนๆ งงๆ อยู่จะถ่ายอะไรดี ไปแก้ตัววัดต่อไปลำดับที่ 2. Chemday Gonpa
ก่อนถึงตัววัด ยายเข้าฉากพอดี
ใกล้มาอีกนิด โชคดีวันนี้แดดดี ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
เส้นทาง ก่อนถึงวัด
วิวจากหลังคาวัด
วัดดูสะอาดดีเหมือนกัน
ลามะ ต้องทำเองทุกอย่าง
ด้านในห้ามถ่ายรุป ถ่ายประตูก็ได้
สภาพภายนอก
จุดแวะลำดับที่ 3. Hemis Monastery แปลเองเหอะ
มาถึงตอนพักเที่ยงพอดี พระปิดกุฏิหมด >:(
ที่ค่อนข้างจะแคบถ่ายยาก
ไปถ่ายในห้องจุดตะเกียงน้ำมัน
เปลวไฟ แห่งพระธรรม
ต้องไปต่อแระ จุดแวะลำดับที่ 4. Thiksey Gompa
เขาว่ากันว่ามีภูมิทัศน์ที่สวยงามที่สุดในแถบนี้ ;D ลามะ รีบเก็บผ้า ฝนกำลังจะมา
เป็นวัดต่อก่อตั้งขึ้นกลางศตวรรษที่ 15 เป็นวัดในนิกาย เกลุกปะ หรือนิกายหมวกเหลือง
ความแตกต่างระหว่างความแห้งแล้ง กับ ความอุดมสมบูรณ์
ทุกก้าววิวก็เปลี่ยนตามที่เขาว่าจริงๆ
ฝนกำลังกระหน่ำลงมา และไหลมารวมกันที่แม่น้ำสินธุ
ซ่อมตัวในความแล้ง
ที่นี่จะมีวิหารประดิษฐานพระ ศรีอาริยะเมตไตรย์ สูงเท่าอาคาร 2 ชั้น
อนุญาต ให้ถ่ายรูปได้ ใช้ขาตั้งกล้องได้ด้วยนะ
น่าจะเป็นนักเรียนนะ
ไปต่อจุดแวะลำดับที่ 5. Shey Palace
วิวที่หน้าวัด
เจดีย์เรียงราย
หมู่บ้านเช เคยเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของลาดัก คนกระทั่งปลาย ค.ศ.1630 กษัตริย์ เซงเก นัมเกล ได้ทรงย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เลห์
ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป พระศากยมุณี ความสูง 12 เมตร เชื่อว่าสร้างโดย เดลดัน นัมเกล พระโอรสองค์โตของกษัตริย์เซงเก นัมเกล
วิวอีกภาพ
จุดแวะลำดับที่ 6. Shanti stupa
เราจะมองเห็น castle at Tsemo
มุมจากข้างทางก่อนเข้าเมือง
นักท่องเที่ยวเยอะ
วิวเราจะมองเห็นเมือง Leh ทั้งเมือง
เวลาพระอาทิตย์ตกจะตกด้านหลัง แต่ผมว่า ตอนพระอาทิตย์ขึ้นน่าจะสวยกว่านะ ไว้ไปใหม่ ยอดเจดีย์
เมือง Leh
พาโนอีก เก็บไม่หมด ;D
ห้องน้ำ วิวสวยไหม ;D
ด้านหลัง
ทหารก็มา
สรุปที่เที่ยวในวันนี้ ยกเว้น Tak Thog Gompa (ในแผนที่สะกด Gompa แต่ที่นี่จะเขียน Gonpa สะกดด้วยตัว n) ก็งงอ่ะนะ ลืมมาร์คแผนที่ google ก็หาไม่เจอ
ตืนเช้ามาโปรแกรมวันนี้ไป After breakfast drive to Visit Basgo temple - Kardung la Pass - Panamik - Sumur - Nubra Valley - Hundar- Sand Dune / stay overnight at Hundar แต่ที่เราได้ไป 1. Kardung la Pass 2. Panamik village 3. Sumur , Samstemling Gompa 4. Hunder, Sand dune 5. Diskit Gompa Nubra Valley เป็นหุบเขาน่ะ คือ นั่งรถผ่านนั่นล่ะ ระหว่างทางย้อนมองกลับไปยังเมือง Leh
หนทางวกวน
และแล้ว อ้าว ไมไปไม่ได้ล่ะ ซวยล่ะสิ
มีรถตกถนนจากด้านบนลงมา :o
อีกนึด ก็จะลงไปอีกชั้น ดีใจที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บมาก
การเดินทางจะต้องทำใบขออนุญาต ด้วยนะครับ ซึ่งทางโรงแรมจัดการให้ มีด่านตรวจตลอดเส้นทาง
สูงขึ้นมาเรื่อยก็จะเจอหิมะ แถมตกอีกต่างหาก
ณ จุดสูงสุดของถนนเส้นนี้ เราเรียกว่า Kardung la(จริงๆ คือชื่อถนน) มีความสูงถึง 5600 ม. รทก. ปวดหัวตุ๊บๆๆ ตลอด
Khardung La คำว่า La เป็นภาษาทิเบต แปลว่า Pass หรือ ผ่านจุดสูงสุดบนเทือกเขา
เหมือนมาเที่ยวคนเดียว
รถกวาดหิมะทำงานหนักเลยตอนนี้
ภาพตอนขากลับ คนละเรื่องเลย
นิดนึง
ว้าววว หิมะ
เป็นจุดแวะด้วยนะครับ เข้าห้องน้ำที่ความสูง 5600 ม. ฟินสุดๆ
ดีนะที่กินยามา พอมีอารมณ์ถ่ายรูปบ้าง ;D
ไม่ไหวล่ะรีบ ลง แอบถ่ายคนขับ คนนี้ขี้อายมาก
ระหว่างทางที่เราผ่านมา เขาเรียกว่า Nubra Valley หมายถึง ดินแดงในหบเขาทางเหนือของเลห์ อันอุดมสมบูรณ์ด้วยมีแม่น้ำสายสำคัญคือ แม่น้ำชย็อก(Shyok River) ไหลผ่าน ก็เลยไม่รู้จะถ่ายยังไง พอลงมาก็ไม่มีหิมะแล้ว หิววว แวะกินข้าวเที่ยงก่อน
อาหารเหมือนกันหมดทุกร้าน แป้ง กับ ผัก :( ไม่ฟินเลย
สภาพรอบๆ จุดพัก
กว่าจะถึงจุดแวะที่ 2. Panamik มีแหล่งแร่น้ำร้อน แต่บ่อน้ำร้อนไม่ได้ถ่าย ถ่ายแต่วิวรอบๆ อย่างที่เห็น ฟ้าเน่าสนิท
เด็กเฝ้าบ่อน้ำร้อน
พาโนรามา
ไปต่อกันที่ต่อไปจุดที่ 3. Sumer Village จะมีวัดที่อายุกว่า 150 ปี Samstemiling Gompa
เป็นศาสนสถานแบบ Complex
สะดุดว่ามันเหมือน นกฮูก
โชคดีภายในวัดอนุญาตให้ถ่ายรูปได้
พระศรีอริยเมตไตรย์
ภายในวัด
ลำดับต่อไปลำดับที่ 4. Hunder village, sand dune ระหว่างทาง ฝนก็ไล่ รูปก็อยากจะถ่าย
Hunder หมู่บ้านนี้มีน้ำลำธารไหลตลอดเวลา ไม่ชอบตรงที่เป็นมังสวิรัติกันหมด
:( ไป Sand dune แต่ว่า นี่คือคำตอบ ไว้มาใหม่ตอนเช้า
ออกมาเดินเล่นตอนเช้า
จริงๆ ตั้งใจจะไปหาอูฐ แต่หาไม่เจอไม่รู้เก็บไว้ไหนกัน ไปเจอนี้ น้ำใต้ดินคงเยอะ
ค่ายทหาร และก็เหมือนกับเป็นศูนย์กลาง การจัดซ๋อมถนน
เราพักกันที่นี่ล่ะ
วิวจากที่พัก
เมื่อคืนทิ้งกล้องถ่ายดาว
เจอเด็กสักหน่อย สั่งได้ล่ะ ;D
ที่นี่ปลูกผักกินเอง
ดอกไม้ก็บานรับแสงอาทิตย์
ไปเที่ยว Sand Dune กัน มีอูฐรอให้บริการเพียบ แต่ไม่ได้ขึ้นนะ ก็ไม่แพง 100 บาท
ชาวบ้านก็ต้อนแกะมากินหญ้า
ครอบครัวอูฐ น่ารัก :D
ดูดนมใหญ่เลย
คณะทัวร์
กว้างใหญ่ไพศาลจริงๆ
คงจะเหงาเนอะ ;D
ทะเลทราย ย่อมๆ
ให้เดินก็เหนื่อยอยู่นะ
ยามเย็นสวยนะ
ทำไมต่างประเทศเขาถ่ายได้สวยๆ เพราะสถานที่เอื้อต่อการถ่ายรูปนี่เอง
สีได้ประโคมลงบนท้องฟ้า
ไปต่อ ลำดับที่ 5. Diskit Gompa มีพระศรีอริยเมตไตรย์ เด่นเห็นได้แต่ไกล
ซูมๆๆ
มาดูใกล้ๆ
มาถึงประตูก็ปิด อีกแระ
กุญแจที่ใช้ล็อค
สีสรร จริงๆ
เครื่องลางของวัด
ซูมไปยังเมืองด้านล่าง
Diskit Gompa สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1420
ภาพสุดท้ายแระ หิวแล้วจะไปกินข้าว
ร้านข้าวกับวิว อิจฉาล่ะเซ๋ ;D
สรุปที่เที่ยวเส้นนี้ ทำไมไปถึงแค่ Panamik เพราะว่าเขาอนุญาตให้ไปได้แค่นี้ ;D เกินกว่านี้จะเป็นชายแดน
เราต้องเดินทางกลับไปตั้งหลักที่ Leh อีกครั้ง เพื่อจะไปอีกเส้นทาง คือไปทะเลสาบ Pangong ระหว่างทางก็ชมไปเรื่อย ที่เห็นดำๆ คือ รถทหาร วิวที่เห็นยังอยู่ในเขต sand dune นะ
หนทางยาวไกล
สวยน่ะ อดถ่ายไม่ได้
เราจะเห็นสัญลักษณ์ให้บีบแตร ตรงทางโค้ง ทำน่ารักดี และก็มีเส้นปลอดภัยกำหนดให้หยุดรอด้วย
ร่องน้ำลึก ที่ถูกกัดเซาะโดยหิมะที่ละลาย
มาถึงจุดตรวจ ตรงนี้รอนานมาก เขาไม่อนุญาตให้ไปไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันนะ หลาย ชม. ทีเดียว น่าจะเป็นผลจากที่หิมะตกเมื่อคืน
พี่ใหญ่เราก็ต้องรอ
ระหว่างนี้ก็ ถ่ายรูปปปปป ;D ฟิน ตัว yak ท่าทางจะดุมาก
เธอสบายใจอารมณ์ดี อากาศอุ่นสบาย อาหารอร่อย
งับๆๆ งับ
น่ากินอ่ะ
น้ำแข็งใส รสหญ้า
พาโนราม่า หยุดรอนานดีนัก
ต้องมาฝ่าด่านหิมะต่อ แต่ฟ้าสวย ก็โอเค๊
แหวกเป็นทางให้แระ ไปโลด
ก็ขยันมาสร้างกันนะ
ถึง Leh ก็นอนพักพรุ่งนี้จะไป ทะเลสาบ Pangong ต้องขึ้นรถตั้งแต่ หกโมงเช้า ระยะทางประมาณ 150 กม น่ะ แต่ถนนดีนะ นั่งดูวิวเพลินเลยนะ ทะเลสาบแห่งนี้ ยาวประมาณ 130 กม. กว้างประมาณ 6-7 กม. 30% อยู่ในอินเดีย 70% อยู่ในจีน
จุดแวะเส้นนี้จะมี 1. Chang la Pass, 5,289 ม. รทก. 2. Himalayan Marmot ก่อนถึงทะเลสาบ ระหว่างทางก็สวยงามเช่นเคย แต่ถนนดีนะครับ
หมู่บ้านเบื้องล่าง
อีกมุม
มาถึงแล้ว Chang la Pass, 5,289 ม. รทก หิมะตกอีก ปวดหัวอีก แต่สวยนะ
อย่าได้แคร์ความเย็น
มีทหารคุมเช่นเคย
มีวัดให้สักการะ
รถทหารวิ่งกันให้วุ่น
ไม่รู้ว่าอะไรเคลื่อนที่
วิวข้างทางเปลี่ยนไปหลังจากลงจากจุดสูงสุดมา
ต้องจอดเลยจุดนี้
มาเจอแล้ว Himalayan Marmot ถ่ายไม่ชัดอ่า รีบไปหน่อยกลัวมันหนี
รูปเดียวพอ งั้นล่ะ 555 จริงถ่ายไม่ทัน ;D ;D ถ่ายตัวนี้ก็ได้ White Donkey
ป้ายบอกข้อมูบ เหมือนจะออกแบบให้เป็นรูปภูเขานะ
เห็นแล้วทะเลสาบ ลิบๆ โน่น
มาถึงแล้ว น้ำใส และกว้างใหญ่จริงๆ :o
ดูกันให้ครบทุกมุม
สวยจริงๆ
ซูมไปใกล้ๆ
ซูมอีก
ถนนเลียบทะเลสาบ
เงียบสงบ น่ากลัว
อีกมุม
ขับรถต่อไปยังหมู่บ้าน Spangmik ซึ่งไม่ไกล เป็นแหล่งที่พักนักท่องเที่ยว
ฝนก็เริ่มไล่
สพรึงมาเลยนะ
ที่เห็นยอดภูเขามีหิมะปกคลุม ด้านซ้ายมือลิบๆ นั่นล่ะครับประเทศจีนแระ น่าข้ามไปถ่ายฝั่งโน้นบ้างเนอะจะเป็นไงเนี่ย
ต้องกลับแล้ว แอบสงสัยถนนแบบนี้ไม่มีอุบัติเหตุบ้างเหรอ นี่ไง
นี่ไง รถทหารยังตกเลย
ถึง Leh หมดแรงต้องรีบนอนพรุ่งนี้ต้องบินไป Delhi เราจะไป Agar
นั่งเครื่อง 1 ชม.ก็ถึงแระ
แต่ว่าทำไมอุณหภูมิมันต่างกันขนาดนี้เลยเหรอ
เส้นทางไป Agra เราโชคไม่ดี รถแอร์เสีย อากาศร้อนๆ อืม...ฟิน
เราเลือกโรงแรมใกล้กับทัชมาฮาล แต่ก่อนไปเราก็แวะเที่ยวในตัว Delhi กันก่อนเล็กน้อยนะ 1.Qutub Minar 2. India Gate
เก็บจะไม่หมด
ศิลปหลังคา
ใกล้สนามบิน
ลวดลายไม่ธรรมดานะ
ภาพสุดท้าย
ไปต่อกันที่ India Gate คนเยอะมากกก
สาวน้อยขายผลไม้..รวม..ด้วยมือ
ยังมีการเก็บเศษไม้ น่าจะเอาไปทำฟืน
ครัวซองในกระเป๋าเก็บไว้อย่างดี รอขาย
ภาพเต็มๆ
ฝุ่นเยอะมากกกก ไปดีกว่า
มาถึง Agra ก็ดึกนะ 3 ทุ่มนะ นอนๆ พรุ่งนี้ตื่นเช้าไปทัชมาฮาล ทางเข้า มีคนมาเร็วกว่าเราอีกนะ
ห้ามใช้ขาตั้งกล้องนะครับ
ก็เลยได้แบบ เบลอๆ มาแทน :(
เข้ามาก็จะเจอด่านแรก นี้ ทุกอย่างจะสมมาตรกันหมด เวลาถ่ายเลยต้องถ่ายให้สมมาตรเข้าไว้อ่ะ
ใกล้มาอีกนิด
เปลี่ยนมุมปั๊บ เห็นม่ะ ไม่สวยเลย
ขยะก็ยังมีให้เห็นจนได้
ด้านในห้ามถ่ายรูปนะครับ
มองย้อนไปทางประตูทางเข้า
ที่เห็นเป็นศิลป ขั้นสูงของเขาที่ใช้วิธีเจาะฉลุหินอ่อน และนำหินอ่อนแต่ละสีมาแทรกในส่วนที่ฉลุไว้ บางชิ้นเรืองแสงนะครับเขาเอาไฟฉายส่องให้ดู
มาถึงด้านหลัง น่าจะสร้างต่อแต่สร้างไม่เสร็จ ไม่ได้อ่านประวัติไปอ่ะ
ให้สังเกตุตรงเสาจริงๆ มันไม่ได้นูนหรอกนะ มันเป็นการทำเป็นลายซิกแซกไว้ ให้ดุเหมือนนูน
เสานี้ไว้ทำอะไรมิอาจทราบได้ ฟังไกด์ไม่ออก
ใหญ่โตมโหราฬจริงๆ
ต้องใส่ถุงเท้าด้วยนะอีกที แต่พื้นก็ไม่เห็นจะสะอาดนะ
เดินออกมาแล้ว
มีประวัติให้อ่าน ถามว่าอ่านไหม...
เปลี่ยนมุมมาอีกฝั่ง
ลองหามุมใหม่ๆ
มุมนี้ถ่ายจากโรงแรมที่พัก
เราไปเที่ยว Agra Fort กันต่อ
อลังการเหมือนกันแฮะ
อาคารนี้ถูกออกแบบ ให้สามารถมองเห็นคนเดิน ได้ทั้งหมด ไม่มีอะไรบัง ถ้าแปลไม่ผิดนะ
เมื่อก่อนตรงนี้เป็นไร่องุ่น ปลูกไว้ทำไวน์
ที่เห็นเป็นห้องๆ นั่นคือ ฮาเรมครับ :o
จำไม่ได้ว่าไว้ทำไร น่าจะเป็นห้องนั่งเล่นมั๊ง
ที่นี่จะสามารถมองเห็นทัชมาฮาลได้
ทองคำที่บนหลังคาที่เหลือรอดจากการถูกขโมย
มองเห็นอีกแระ
ไว้ทำไรจำไม่ได้
ที่เห็นตรงกลาง คือ อ่างอาบน้ำนะครับ
ที่ผนังจะเห็นรูนะครับ เขาไว้สำหรับเทน้ำร้อนลงไปในผนังจะมีช่องว่าง จะทำให้ห้องนี้อุ่นขึ้น
สรุปเดินทางประมาณ 211 กม.นะครับ กว่าจะถึง มีที่เที่ยวอีกหลายที่ที่เขาแนะนำไว้ประมาณ 10 ที่ 1.
ไม่ไหวแล้วกับ มาซารา พอกันทีกลับไปกินกระเพาดีกว่า ขอบคุณครับที่ติดตามชมไว้เจอทริปต่อไป
ภาพเต็มๆ ชอบๆ ตลกร้าย
:o สถาปัตยกรรมแต่ละแห่งของเค้า สวยงามอลังการมากๆ